The Intern – หนังปลุกใจในสังคมผู้สูงอายุที่กำลังจะมาถึง

ช่วงเวลาต่อจากนี้จะกลายเป็นอีกยุคหนึ่งที่เรา ๆ กำลังจะต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การเพิ่มขึ้นของอายุเป็นอีกวิธีหนึ่งที่เราเติบโตไปควบคู่กับประสบการณ์ที่เพิ่มพูน ประกอบกับความเข้มแข็งทางจิตใจและไหวพริบที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ทว่าอายุนั่นแหละที่เป็นตัวเลขไม่กี่ตัว ที่ภายหลังกลายมาเป็นกรอบตีรอบตัวเราเสียเอง หนังเรื่อง The Intern จึงเป็นอีกหนึ่งกลไกของจิตวิญญาณ แห่งการก้าวข้ามสะพานเรื่องความทุกข์ใจในวัยชรา สู่การเห็นคุณค่าในตัวเอง

แก่แต่เก๋า

ความแก่ไม่เข้าใครออกใคร และในช่วงวัยเกษียณของคนที่ทำงานมาทั้งชีวิตคงไม่ต่างอะไรกับการดึงถ่านที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่ออกจากของเล่นเก่า ๆ สักชิ้นเพื่อให้มันหยุดทำงาน ทว่าถ่านนั้นยังรุ่งโรจน์เปี่ยมไปด้วยกำลังของมัน The intern คือหนังน้ำดีอีกเรื่องหนึ่งที่จะพาเราไปดูการทำงานของคนวัยเก๋าที่ไม่ยอมแก่ไปตามอายุ

เบน วิทเทเกอร์ ชายอายุ 70 ปีที่เบื่อชีวิตของความว่างเปล่า เข้าสมัครโครงการรับเด็กฝึกงานอาวุโส (Senior Intern) ในบริษัทแฟชั่นออนไลน์แห่งหนึ่ง ผู้มีไฟในตัวเองเสมอ ทว่าแรกเริ่มเขาเองก็ไม่ได้รับความเชื่อใจในการไหว้วานงานให้เท่าใดนัก กับชายวัยชราที่ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองมาทำงานด้านออนไลน์ให้ทันกับยุคสมัยและธุรกิจที่กำลังดำเนินไป แต่เมื่อผ่านไปลุงเบนของเราปรับตัวได้ดี และวางตัวได้อย่างเป็นเลิศจนเป็นที่รักของทุกคนในบริษัท โดยเฉพาะสาวเจ้าของบริษัทที่ยังคงอ่อนวัยนัก และมีปัญหารุมเร้าไม่เพียงแต่แค่เรื่องงาน

คุณค่าในตัวเรา

คนแก่หลาย ๆ คนเมื่อแก่ตัวลงแล้ว อาจหมดความมั่นใจในตัวเอง เพราะกิจกรรมหลาย ๆ อย่างที่ไม่สามารถทำได้เหมือนเมื่อก่อน การเกษียณอายุสำหรับคนที่ยังไม่พร้อมก็อาจทำให้สภาพจิตใจต้องได้รับการปรับตัวขนานหนัก ใจยังรังคิดถึงแต่อดีตที่ทำงานทุกวันและอยากหวนคืนทุกเมื่อเชื่อวัน จริง ๆ แล้วการเล่นเดิมพันง่าย ๆ ที่ VWIN สำหรับคนวัยนี้ ก็เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจและแก้เหงาได้ไม่น้อยเลย เผลอ ๆ อาจจะเหนื่อยน้อยกว่าและดีกว่าการหางานทำแบบในหนังด้วย

ในหนังเรื่อง The Intern ที่นอกจากจะพาเราไปรู้จักกับปัญหาในธุรกิจ การทำงานและชั่งตวงระหว่างชีวิตกับหน้าที่ให้สมดุลกันแล้ว ยังจุดประกายเล็ก ๆ ในดวงใจของผู้ชมหลายท่านทีเดียว เมื่อความแก่มาเยือน แต่ความเก่งในตัวของเหล่าคุณลุงคุณป้าคุณตาคุณยายผสานความเป็นผู้ใหญ่มากประสบการณ์นี่แหละ ที่จะเป็นประโยชน์อย่างมาก ไม่ว่ากับงานอะไรก็ตาม

The Intern จึงเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นตัวเลือกที่ดีเวลาอยากจะดูหนังฟีลกู๊ดสักเรื่อง ทั้งยังแฝงแรงบันดาลใจและแรงขับเคลื่อนของการทำงานได้อย่างดี ไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่ วัยทำงาน หรือวัยเกษียณ งานที่รักก็ยังคงโชติช่วงสว่างอยู่ในใจเหมือนไฟไม่รู้ดับตราบเท่าที่จะมีแรงทำกันต่อไป ไม่เว้นแม้แต่คนที่ยังมีไฟในหัวใจ ความรู้และปัญหายิบย่อยที่จะได้เจอเมื่อเริ่มต้นธุรกิจแบบสตาร์ทอัพที่เติบโตเร็วเกินไปจนน่าใจหายและยากจะรับมือ ก็คงอินไม่น้อยกับหนังน้ำดีเรื่องนี้

Moneyball: The Art of Winning an Unfair Gam เบื้องหลังชีวิตนักเบสบอล

เบื้องหลังชีวิตนักเบสบอลที่ดูยิ่งกว่าละคร แต่ทว่าสร้างจากเรื่องจริงของชีวิตนักเบสบอลในทีมเมเจอร์ลีก อีกหนึ่งความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการตามติดชีวิตของผู้จัดการทีมเบสบอล ชีวิตในช่วงวิกฤติของการเงิน โดยที่เขาต้องเผชิญกับปัญหาจัดหาทุนสำหรับทีม นับเป็นสิ่งที่ยากลำบากในช่วงชีวิตของการเป็นผู้จัดการทีม เมื่อไม่มีเงินทุนในการซื้อนักเล่นบาสเก่ง ๆ ก็ทำให้ฟอร์มของทีมลดลงเรื่อย ๆ เขาจะแก้ปัญหาวิกฤติชีวิตการเป็นผู้จัดการทีมได้อย่างไร อ่านรีวิวแล้วคุณจะรู้

เบเนท มิลเลอร์ กับผลงานฝากชื่อ

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นผลงานอันฝากชื่อเบนเนท มิลเลอร์ ผลงานของเขาที่โดดเด่นจนเป็นผลงานสร้างชื่อเรื่องแรก นั่นก็คือเรื่อง Capote และหลังจากนั้นให้หลัง 6 ปี เขากลับมาด้วยผลงานภาพยนตร์เลื่องชื่อ อย่าง Moneyball: The Art of Winning an Unfair Gam บทบาทของในฐานะผู้กำกับในภาพยนตร์เรื่องนี้ คือผลงานที่สร้างชื่อของเขา ทั้งดราม่าน้ำตานอง บวกกับการกำกับที่โดดเด่นเร้าอารมณ์ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ตราตรึงใจหลายต่อหลายคน

สิ่งที่ได้จากภาพยนตร์…ข้อคิดที่หลายคนซึ้งใจ

หากคุณได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้สิ่งที่จะได้รับอย่างแรกก็คือ ความเชื่อมั่นในความคิดที่เรานั้นมีอยู่ เชื่อในความฝันของตัวเอง อาจจะมีบ้างบางคราวที่เรามีความตั้งใจจะทำอะไรสักอย่างหนึ่ง หากไปขอความคิดเห็นของคนอื่น ๆ บางครั้งอาจจะเจอความคิดที่สกัดให้เราไม่สามารถเดินก้าวข้ามฝันได้ สิ่งที่สำคัญไปกว่าการขอคำปรึกษาจากใครสักคน ก็คือการเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง เช่นเดียวกับการเดิมพัน แม้จะมีสูตรมีคำแนะนำมากมาย แต่การเชื่อมั่นในเสียงตัวเอง คือสิ่งที่ VWIN ยันยันว่าดีที่สุด ในที่สุดก็ก้าวไปถึงฝั่งฝันเพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เราทำนั้นไม่ใช่แค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ นอกจากการเชื่อในความฝันของตัวเองแล้ว การเอาชนะคือสิ่งที่เราควรมุ่งมั่นให้ได้มากที่สุด แม้โอกาสในการชนะจะไม่มากสักเท่าไร แต่หากเรามุ่งมั่นที่จะชิงชัย โดยไม่จำกัดวิธีการ ก็คือสิ่งที่จะทำให้เราไปสู่ความสำเร็จได้แบบไม่ยากเย็นเกินไปนัก อย่างสิ่งที่บีน ตัวเอกของเรื่องทำก็คือไม่ใช่การทุ่มเทเงินทองเพื่อซื้อนักเบสบอลเก่ง ๆ มา แต่เป็นการมองหานักเบสบอลที่ไม่ได้เล่นแบบเพอร์เฟ็กต์ แต่ทว่ามีความโดดเด่นจุดใดจุดหนึ่งและนำมาพัฒนาต่อจนกลายเป็นนักเบสบอลที่สมบูรณ์แบบได้

หนังที่ดูสนุกได้โดยไม่จำเป็นต้องดูเบสบอลเป็น หลาย ๆ คนเมื่อเห็นว่าเป็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับเบสบอลก็อาจจะคิดว่าต้องดูเบสบอลเป็นด้วยหรือไม่ แต่แท้ที่จริงแล้ว Moneyball: The Art of Winning an Unfair Gam เป็นภาพยนตร์ที่ใครก็ดูได้ แม้จะสร้างและเขียนบทจากเรื่องจริงก็ตาม สิ่งที่เป็นจุดแข็งของเรื่องนี้ก็คือการแสดงที่โดดเด่น มีฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก ใช้สมองอย่างมาก หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังท้อแท้กับความฝัน การดูภาพยนตร์เรื่องนี้คือสิ่งที่ไม่ควรพลาด

The Curse of La Llorona จากตำนานปรัมปราสู่มิติมายาเขย่าขวัญ

จากการที่การดึงเอาตำนานผี ๆ ที่มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริงในตำนานมาเขย่าขวัญผู้ชมจนประสบความสำเร็จไปหลายเรื่อง งานนี้ เจมส์ วาน ก็ขอขยายอาณาจักรของจักรวาลหนังสยองขวัญอย่าง The Conjuring ออกไปอีกด้วยการนำตำนานเก่าแก่อันเป็นเรื่องปรัมปราของทางเม็กซิโกมาสร้างเป็นหนังเรื่องใหม่ คือ “The Curse of the weeping woman” หรือในชื่อไทยก็คือ “คำสาปมรณะจากหญิงร่ำไห้” แต่คราวนี้เจมส์ วานได้มอบหมายให้เป็นหน้าที่ของ ไมเคิล ชาเวส มาช่วยดูแลและกำกับเรื่องนี้ ซึ่งแค่เห็นตัวอย่างก็ชวนให้เราขนลุกและอยากดูแล้ว

ขุดตำนานกลับมาสร้างความเขย่าขวัญ

The Curse of the weeping woman เล่าเรื่องของ “ลาโรโยนา” ซึ่งเป็นตำนานผีเก่าแก่ของทางเม็กซิโก เดิมทีลาโรโยนาเป็นหญิงสาวรูปงามที่เผลอไปตกหลุมรักกับชายหนุ่มรูปงามผู้เป็นเศรษฐีในเมือง ทั้งคู่ได้พบปะกันและตกหลุมรักกัน ในที่สุดก็ได้อยู่กินแต่งงานกันจนมีลูกชาย 2 คนความรักและชีวิตครอบครัวดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบ แต่ก็หาใช่เป็นเช่นนั้น เมื่อฝ่ายชายหนุ่มเศรษฐีเกิดเผลอใจและไปมีกิ๊กใหม่ และที่สำคัญไม่อยากให้เธอคนนั้นเป็นแค่กิ๊กจึงพามาหยามกันให้ลาโรโยนาเห็นกันชัด ๆ ลาโรโยนาสุดที่จะยั้งใจและเบรกตัวเองไว้ได้จึงขาดสติ จับลูกชาย 2 คนไปกดน้ำจนตายเพื่อประชดสามีของเธอ แต่หลังจากเธอได้ฆ่าลูกชายทั้ง 2 ไปแล้ว เธอถึงได้สติกลับคืนมา ทุกสิ่งทุกอย่างมาไกลเกินที่เธอจะแก้ไขแล้ว เธอเสียใจและรู้สึกผิดบาปอย่างมากกับการกระทำนี้ เธอจึงก่อกรรมหนักอีกครั้งด้วยการกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย สิ่งที่เธอก่อไว้ช่างเป็นเรื่องบาปที่หนักหนา นั่นจึงทำให้วิญญาณของเธอไม่สามารถไปเกิดได้ วิญญาณของเธอจึงยังคงวนเวียนเพื่อเอาชีวิตเด็ก ๆ เพื่อนำไปทดแทนชีวิตลูกชายทั้งสองของเธอที่เสียไป นั่นเป็นตำนานที่หนังเล่าไว้บางส่วนก่อนที่หนังจะตัดกลับเข้ามาสู่เรื่องหลัก ที่ดำเนินเรื่องอยู่ในช่วงยุค 70s กับการเล่าเรื่องของแอนนา สาวที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ดูแลครอบครัวชาวเม็กซิกันครอบครัวหนึ่ง ซึ่งประกอบไปด้วยแพททริเซีย และลูกชายของเธออีก 2 คน ปรากฎว่าครอบครัวของแพททริเซียบังเอิญไปพัวพันและต้องคำสาปของลาโรโยนา แอนนาและครอบครัวของเธอเองที่ดูแลครอบครัวของแพททริเซียอยู่จึงต้องถูกร่างแหในคำสาปร้ายนี้ไปด้วย  ครอบครัวของแอนนาจึงเป็นเป้าหมายต่อไปของวิญญาณร้ายลาโรโยนา

ไอเดียการนำเสนอแปลก แต่ยังถือว่าไม่น่าจดจำ

โดยภาพรวมหนังเรื่องนี้ยังจัดได้ว่าความน่ากลัวยังน้อยไปนิด แม้ว่าพวกเขาจะปล่อยตัวอย่างออกมาให้เราได้กลัวกันก่อน ซึ่งก็ทำออกมาได้น่าดูแต่ฉากน่ากลัวเขย่าขวัญก็ปล่อยออกมาในตัวอย่างหนังหมดแล้ว เมื่อดูหนังจริง ๆ จึงไม่ค่อยได้ลุ้นเท่าไหร่ ถ้าเทียบความตื่นเต้นเร้าใจเขย่าประสาทนิดๆกับการเล่นพนันออนไลน์ เรายังให้เครดิตความตื่นเต้นกับการเล่นพนันออนไลน์ในเว็บ VWIN มากกว่าเสียอีก หรือถ้าเทียบกับหนังด้วยกัน The Conjuring กับ แอนนาเบลล์ 2 ถือว่าเฉียบขาดกว่ามากในเรื่องความตื่นเต้นน่ากลัว ช่วงแรก ๆ อาจจะตื่นเต้นบ้าง แต่ช่วงหลัง ๆ ของหนังถือว่าเฉย ๆ  แต่ในส่วนของการปูเรื่องไอเดียการนำเสนอ การออกแบบภาพลักษณ์ผีลาโรโยนาก็ถือว่าทำได้ดีอยู่มีความแปลกไปอีกแบบ

อย่างไรก็ดีภาพรวมของ The Curse of the weeping woman ก็ถือว่าเป็นหนังน่าดูอีกเรื่อง แม้ผีลาโรโยนาจะทลายข้อจำกัดผีแบบ The Conjuring กับ แอนนาเบลล์ 2 ไปเยอะเพราะเป็นผีที่ออกมาสู้กับคนได้ แต่พลอตหนังที่ไม่ซับซ้อนการเล่าเรื่องที่น่าสนใจก็ทำให้เรื่องนี้เป็นหนังที่น่าติดตามอีกหนึ่งเรื่องเหมือนกัน