Jumanji 1 (1995) เกมกระดานสุดหรรษาที่คอหนังเก่าไม่ควรพลาด

ปลายปี 2017 เกมกระดานสุดหรรษา Jumanji กลับมาลั่นกลองเชิญชวนให้ทุกคนเข้าไปเล่นอีกครั้ง คราวนี้ถูกพัฒนาออกมาเป็นให้เข้ากับยุคสมัย กลายเป็นตะลุยป่าแบบเกมเพลย์ ใน “Jumanji welcome to the jungle” ได้ เดอะ ร็อค ดาราขวัญใจมหาชน นำทัพความฮา และทำออกได้สนุกกว่าที่คาดจริง ๆ แต่วันนี้ ขอพาย้อนกลับปี 1995 ครั้งแรกที่ Jumanji ออกฉาย บอกเลยว่ามันไม่แพ้ภาค 2017 แถมคลาสสิกมีเสน่ห์มาก ๆ ใครที่กำลังหาหนังเก่าดู ไม่ควรพาดเลย

ย้อนไปเมื่อปี  1969 “อลัน” เด็กชายทายาทโรงงานรองเท้า ผู้ไม่สู้คน ค้นพบเกมกล่อง Jumanji แถว ๆโรงงาน เขาจึงเอานำกลับมาที่บ้าน เรื่องราวเริ่มขึ้นในคืนวันที่พ่อแม่ไปกินเลี้ยงข้างนอก เขาตั้งใจจะหนีออกจาก แต่เพื่อนสาว “ซาร่า” โผล่มาพอดี ทั้ง 2 เลยร่วมเล่นเกมจูแมนจี้กัน แบบไม่ได้ตั้งใจเป็นผลให้อลัน ถูกดูดเข้าไปในเกม ไม่สามารถกลับมาได้จนกว่าจะมีใครทอยขึ้นเลข 5 หรือ 8  ส่วนซาร่าตกใจวิ่งเตลิดหนีออกจากบ้านไป หลายปีผ่านไป บ้านของอลันถูกเช่าต่อ โดยน้าสาวและหลาน 2 คน “จูดี้” และ ”ปีเตอร์” เด็กทั้ง 2 พบเจอเกมจูแมนจี้ และเล่นโดยไม่ได้ดั้งใจ ปีเตอร์ทอดตกเลข 5 อลันจึงได้กลับคืนบ้าน ทั้ง 3 คนตั้งใจจะสานต่อเกมนี้ให้จบ จึงเดินไปเกลี้ยกล่อม “ซาร่า” ให้กลับมาเล่นเกมนี้อีกครั้ง เพื่อให้เกมจูแมนจี้จบโดยสมบูรณ์

Jumanji (1995) พล็อตเรื่องสุดคลาสสิก ที่ใครก็ไม่คาดถึง

                ความโดดเด่นของหนังชุดนี้ ที่ชื่นชอบมาก ๆ ก็คงจะเป็นพล็อตนี่แหละ ใครจะเป็นคิดว่า วันหนึ่ง เกมกระดานธรรมดา ๆ ที่มีสโลแกนว่า “เกมสำหรับคนที่อยากทิ้งโลกนี้ไว้เบื้องหลัง” จะดูดคนเข้าไปในเกม และปล่อยสิงสาราสัตว์ออกมาจากเกมได้จริง ๆ ถึงแม้หนังจะไม่ได้เล่าที่มาของตัวเกมกล่อง แต่ก็ดำเนินเรื่องได้อยากไม่มีใครเคลือบแคลงสงสัย แถมมันมาก ๆ ทั้งทุกเวอร์ชั่นที่ส่งมา

                สำหรับเนื้อเรื่องเนี๊ยะ ต้องให้คะแนนเต็ม ครบทุกรสชาติ สนุกสนาน บันเทิง ตื่นเต้น ผจญภัยกลมกล่อมมาก ยังได้เห็นฝีมือลายมือของนักแสดงระดับตำนาน “โรบิน วิลเลียมส์”  รับบทอลันตอนโต ส่วนเด็กน้อยทั้ง 2 คน จูดี้ “คิร์สเตน ดันสท์” (นางเอก Spider Man ทั้ง 3 ภาค) และ ปีเตอร์” แบรดลีย์ เพียซ” ก็แสดงได้ดี น่ารักสมวัย กลายเป็นฮีโร่สมัยที่เรายังนั่งดูตอนเด็ก ๆ จูแมนจี้ นอกจากจะได้สนุกสนาน ไปกับสิงสาราสัตว์ ความตื่นเต้นที่ออกมาจากในเกม เรายังได้เห็นชีวิตของเด็กแต่ละคนในเรื่องอีกด้วย หนังแฝง Coming of Age ไว้ได้แบบเนียน ๆ ส่วนเรื่องของภาพ CG สมัยนั้น ถือว่าทำได้เยี่ยม ดูไม่ขัดตา ทั้งหมดต้องบอกว่า ดูรวม ๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน แนะนำว่าเป็นหนังเก่าต้องดู!

คะแนน : A+

ย้อนรักวัยใสแบบมัธยม “สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก”

เชื่อว่าหลาย ๆ คนมีความรักกุ๊กกิ๊กสมัยเรียนมัธยม แอบชอบรุ่นพี่ แอบชอบเพื่อน วันนี้มีหนังไทยเรื่องหนึ่ง .. ที่เหมาะมาก ๆ สำหรับใครที่กำลังอินเลิฟ อยากได้แรงบันดาลใจในการแอบรักพีค ๆ “สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก” (2010) นำทีมโดยนักแสดงวัยรุ่นมากความสามารถ “มาริโอ้ เมาเร่อ” และ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” สร้างตำนานความรัก กุ๊กกิ๊กของน้องน้ำและพี่โชน จนถึงทุกวันนี้ ดูกี่ทีก็อดยิ้มไม่ได้

“สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก” เป็นเรื่องราวของ “น้ำ” (พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) สาวน้อยม.ต้น หน้าตาธรรมดา ไม่เก่ง ไม่โดดเด่น เธอและกลุ่มแก๊งชอบส่องพี่ม.ปลายกันอยู่เรื่อย และนั่นเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้น้ำ หลงรัก “พี่โชน”(มาริโอ้ เมาเร่อ) ม. 4 ผู้ชาย ที่หล่อเท่ห์สุด ๆ จิตใจดี แถมความสามารถเก่งทุกทาง ทำให้น้ำมีสาว ๆ คู่แข่งมากหน้าหลายตา เธอจึงหันมาทำสวย พัฒนาตัวเอง เปลี่ยนแปลงตัวเองทุกรูปแบบ และทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ ๆ พี่โชน ไม่ว่าจะเป็น ขัดผิวให้ตัวขาว เล่นละครเวที สมัครเข้าวงโยธวาทิต เอาขนมไปให้ เดินผ่านหน้าชั้นเรียน ฯลฯ โดยมีเพื่อนในแก๊งคอยให้สนับสนุน ไม่นานนักน้ำก็เริ่มสวย ได้เป็นดรัมเมเยอร์และดาวโรงเรียน ทำให้มีหนุ่ม ๆ เข้ารายล้อมเธอ ยกเว้นพี่โชน คนเดียวที่เธอรอคอย

 น้องน้ำพี่โชน ความรักนำมาพามาซึ่งแรงบันดาลใจ

แอบรัก แอบชอบ หรือ แอบปลื้ม เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัยจริง ๆ ตัวหนังนำเสนอ ผ่าน น้องน้ำ เด็กสาวธรรมดา ที่พยายามทำทุกอย่าง พัฒนาตัวเองโดยใช้พี่โชนเป็นแรงบันดาลใจ ในการทำสวย เรียนให้เก่ง เพื่อที่จะได้คู่ควรกับพี่โชน จุดนี้เชื่อว่า ทุกคนต้องเคยผ่านมาแล้วทั้งนั้น ตัวหนังเลือกหยิบเรื่อง “แอบรัก” ออกมาสื่อได้อย่างเข้าถึง เข้าใจง่าย ๆ และอินหนักมาก เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว

สำหรับเนื้อเรื่องของ สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก เรียกได้ว่าครบทุกรสชาติ นอกจากจะได้เห็นความรักใส ๆ เป็นธรรมชาติ ผ่านน้องน้ำและพี่โชน แล้วยังได้เห็นมิตรภาพของแก๊งเพื่อน ผ่านทุกข์ ผ่านสุขและเติบโตมาด้วยกัน แอบมีกลิ่นอายหนัง Coming of age ได้แนบเนียนมาก ๆ อีกอย่างที่ชอบคือ บรรยากาศในโรงเรียน คุณครู นักเรียน ค่านิยม ธรรมเนียมต่าง ๆ ของโรงเรียนมัธยม หนังทำออกมาได้ดีมาก โดยเฉพาะช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ในเรื่องการเอาสติ๊กเกอร์ไปติดให้กับที่ชอบหรือปลื้ม หนังตีโจทย์แตกมาก กลายเป็นธรรมเนียม ที่เด็ก ๆ นิยมทำกันอีกครั้ง หลังจากที่ตัวหนังปล่อยออกมา นอกจากนี้ขอชื่นชม ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ที่ทำให้น้องน้ำ กลายเป็นแรงบันดาลใจของเด็กสาวหลาย ๆ คน ดูแล้วทั้งยิ้มตาม ทั้งสงสาร รวม ๆ แล้ว “สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก” เป็นหนังที่มี่เสน่ห์ น่ารักสมวัย ใครที่หาหนังรักแบบไม่เครียด ละมุน ก็แนะนำเรื่องนี้เลย!

คะแนน : C+

 “God of Egypt” หนังเทพเจ้าอียิปต์ ดูง่าย แถม CG สุดอลังการ

                ปกติเราเคยเห็นแต่เทพเจ้าตำนานกรีก โรมัน (ซุส โพไซดอน ฯลฯ) ถูกดัดแปลงออกมากลายเป็นหนัง ที่ดูง่าย ๆ ถ้าคิดไม่ออกก็ให้คิดถึงเรื่อง Percy Jackson หรือ Clash of Titan แต่นี่เป็นภาพยนตร์เรื่องแรก! ที่หยิบเอาตำนานของเทพเจ้าฝั่งอียิปต์ ออกมาเล่าเป็นภาพยนตร์แฟนตาซีสุดอลังการ “God of Egypt” (2016) เล่นใหญ่ แต่เกือบไปไม่ถึงฝันเพราะกวาดรายได้และกระแสวิจารณ์ที่ไม่ค่อยดีนักกลับไป แต่ที่จำติดตาได้คือ ญาญ่า และ ณเดชน์ เวอร์ชั่นฮอลลีวูด

“God of Egypt” พาเราย้อนกลับไปในยุคสมัยอียิปต์โบราณ  ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองของเหล่าทวยเทพ บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุขภายใต้การปกครองของเทพเจ้า จนกระทั่ง “เทพเซท” เทพเจ้าแห่งทะเลทราย (เจอร์ราด บัตเลอร์) เปิดศึกชิงบัลลังก์กับ “เทพฮอรัส” เทพเจ้าแห่งท้องฟ้า (นิโคไล คอสเตอร์ วัลดาอู) ทั้งสองแปลงร่างต่อสู้กันอย่างดุเดือด ฮอรัสเป็นฝ่ายพลาดท่าเสียดวงตาให้กับเซท บ้านเมืองอียิปต์เข้าสู่กลียุค มนุษย์ถูกเรียกใช้งานเหมือนทาส หนึ่งในนั้น “ซายา” คนรักของหัวขโมยหนุ่ม “เบค” ทั้งสองรักกันสุดหัวใจ แต่ซายามาสังเวยชีวิตของเธอเสียก่อน เบคไม่ยอมรับการตายของซายา จึงต้องไปขอความช่วยเหลือจาก เทพฮอรัสซึ่งสูญเสียพลังไปเพราะไร้ดวงตา ทั้งสองจึงต้องร่วมมือกันเพื่อกอบกู้เมืองอียิปต์จากเซท และช่วยซายารักกลับมา โดยได้รับความช่วยจากเทพเจ้าองค์อื่น ๆ ตลอดการเดินทาง ทั้งฮาเธอร์ เทพีแห่งความรัก ท็อต เทพนักปราชญ์ ฯลฯ

God of Egypt เล่าตำนานเทพอียิปต์ อย่างง่ายเข้าใจไม่ยาก

ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องจะไม่ค่อยส่งเท่าไหร่ แต่ความโดดเด่นของ God of Egypt คือการนำเสนอตำนานของเทพเจ้าอียิปต์ได้อย่างไม่จำเจ ไม่ต้องไปนั่งอ่านหนังสือให้วุ่นวาย ก็เรียนรู้ตำนาน ความสัมพันธ์ ความโดดเด่นและของเทพเจ้าแต่ละองค์ได้อย่างเข้าใจ ถึงแม้ว่าจะดูโอเวอร์ แต่พื้นเพก็ไม่ผิดไปจากเรื่องเล่าเดิม แยกเทพเจ้าที่ลงมาปะทนกับมนุษย์ออกได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นขนาดตัวที่ใหญ่กว่า เกาะเพชรเจ็ดสีเวลาแปลงร่าง หรือเลือดที่ไหลออกมาเป็นสีทอง

God of Egypt ได้ทีมสร้างจากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ I Robot , The Crow  ทุ่มทุนกว่า 150 ล้านบาท โดดเด่นตรง CG ทำได้เวอร์วังอลังการมาก แสงสีตระการตา คอสตูมนี่ไม่ต้องพูดถึง  เล่นใหญ่เกาะเพชร 7 สีมาก ๆ การแสดงเข้มข้นได้นักแสดงแนวหน้าอย่าง เจอร์ราด บัตเลอร์ สวมบทบาทเทพเซท ได้อย่างน่าเกรงขามมาก ๆ (ปกติจะเล่นแต่บทพระเอก) คู่พระนาง เบค และ ซาย่า ก็ได้ เบรนตัน ธเวทส์ และ คอร์ทนีย์ อีตัน ออกมาวิ่งวน อลหม่าน ทั้งหมดดีแล้วขาดแต่เนื้อเรื่องที่ยังไม่ค่อยส่งเข้าเท่าไหร่ รายละเอียดเยอะเกินจนไม่รู้จะมองทางไหนดี แต่หักลบกลบหนี้กันแล้ว ก็นับว่าเป็นหนังแฟนตาซีเรื่องหนึ่งที่น่าดูชม  ดู CG ก็คุ้มแล้ว

 คะแนน : C+

ชวนย้อนวัยเด็ก วันหยุดสุดสัปดาห์กับวู้ดดี้และผองเพื่อนใน“Toy Story 3”

สุดสัปดาห์นี้ถ้าใครมีโอกาสได้หยุดพักผ่อน ว่างเว้นจากงาน ก็อยากจะชวนมาคืนความสดใส ย้อนวัยเยาว์ไปกับการ์ตูนอนิเมชั่นไตรภาคเยี่ยมยอดตลอดกาล “Toy Story” ซึ่งปล่อยภาคแรกมาตั้งแต่ออกมาเมื่อปี 1995  ภาค 2 เมื่อ ปี1999  ในชื่อ “Toy Story 2” และเว้นวรรคยาวนานถึง 10 ปี ถึงได้ปล่อย “Toy Story 3” ออกมาให้เราได้ชมกันอีกครั้งเมื่อปี 2009 ซึ่งถือว่าเป็นการปิดไตรภาคของการ์ตูนชุดนี้ได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว (มีข่าวกระซิบด้วยนะว่าจะมี Toy Story 4)

“Toy Story 3” เล่าถึงเรื่องราวของกลุ่มของเล่นของ “แอนดี้” นำทีมโดย “นายอำเภอวู้ดดี้”, “นักบินอวกาศ บัซ ไลท์เยียร์”, “คาวเกิร์ลสาว เจส” และเพื่อน ๆ แก๊งเดิม เร๊กซ์, ครอบครัวโปเตโต, สกิงกี้, เอเลี่ยน ฯลฯ กลับมาครบทีม การผจญภัยครั้งสุดท้ายเริ่มขึ้น เมื่อปีนี้แอนดี้ ได้เติบโตขึ้นผ่านวัยเด็กเข้าสู่วัยรุ่นเต็มตัว ต้องจากบ้านไปเรียนที่มหาวิทยาลัย การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้เหล่าของเล่นถูกเก็บไว้ไปที่ห้องใต้หลังคา แต่ระหว่างการขนย้ายนั้นแม่ของแอนดี้คิดว่าเป็นถุงขยะ จึงทำให้เหล่าของเล่นเดินทางสู่ซันนี่ไซด์ สถานรับเลี้ยงเด็ก พวกเขาได้พบ “ล็อตโซ่” ตุ๊กตาหมีสีชมพูตัวโตน่ากอด ซึ่งเป็นผู้นำควบคุมและจัดระบบของของเล่นทั้งหมดในซันนี่ไซด์ เหล่าของเล่นต่างน้อยใจคิดว่าแอนดี้ไม่ต้องการแล้ว ยกเว้นวู้ดดี้ ที่ยืนกรานจะกลับไปหาแอนดี้เพียงลำพัง แต่ระหว่างทางกลับบ้านนั้น วู้ดดี้ก็ได้พบความจริงว่า ซันนี่ไซด์ เสื่อมโทรมและเป็นสถานที่อันตรายสำหรับของเล่น โดยมีล็อตโซ่เป็นตัวการทั้งหมด เขาจึงต้องกลับไปช่วยเหลือเพื่อน ๆ เหล่าของเล่น ทั้งหมดจึงวางแผนเพื่อให้ได้กลับบ้านให้ทันเวลาก่อนวู้ดดี้จะไปมหาวิทยาลัย

“วู้ดดี้” นายอำเภอผู้ไม่เคยทิ้งมิตรภาพและความเชื่อ

ตัวละครเอก นายอำเภอวู้ดดี้ (ให้เสียงพากย์โดย ทอม แฮงส์ ) ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของ “มิตรภาพ” ก้าวผ่านทุกช่วงวัยมาพร้อม ๆ กับแอนดี้ตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งเติบโตไปเรียนมหาลัย วู้ดดี้ก็ยังคงอยู่ข้าง ๆ รักและเชื่อมั่นในตัวแอนดี้ไม่มีเสื่อมคลาย เขาไม่เคยคิดว่าแอนดี้จะทอดทิ้งเขาหรือเพื่อนของเล่นอื่น ๆ และถึงแม้ว่าวู้ดดี้จะเป็นคนเดียวที่แอนดี้จะพาไปมหาวิทยาลัยด้วย แต่เมื่อเพื่อนมีภัย เขาก็ไม่เคยวิ่งหนี รีบกลับไปช่วยทุกคนให้พ้นจากอันตราย คาดหวังให้ทุกคนได้อยู่พร้อมหน้า เป็นตัวละครที่ช่วยเติมไฟและเป็นฮีโร่ของทุกช่วงวัยได้เป็นอย่างดี

สำหรับ “Toy Story 3” ทุกอย่างละมุนเหมือนเป็นของหวาน คืนความสดชื่นทุกครั้งที่ได้ดู เนื้อเรื่องมีความลงตัวครบทุกรสชาติ ทั้งสนุก ตื่นเต้นและอิ่มเอม (มีฉากเรียกน้ำตาในตอนท้าย) ปิดไตรภาคได้สมบูรณ์แบบ แฝงใจความสำคัญเกี่ยวกับมิตรภาพ ความสนุกสนานและการเติบโตของเด็กได้อย่างลงตัว ความคลาสสิกของเพลงประกอบ “ฉันคือเพื่อนรู้ใจ” ฟังกี่รอบแล้วก็ยังใจสั่นเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง สำหรับภาพก็สวยสมวัยสไตล์พิกซาร์ สีสันสวย ลื่นตา

วันหยุดนี้ถ้าอยากเติมไฟ คืนความกระชุ่มกระชวยหวนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง อย่าลืมไปผจญภัยกับวู้ดดี้นะ

คะแนน : A+