Gone Girl เธอจากไป แล้วเธอก็กลับมา

“คุณมันประสาท คุณบ้าแล้ว บอกหน่อย ทำไมคุณถึงอยากจะทำแบบนี้ ใช่! ผมรักคุณก็จริง แต่เราอยู่แบบทำลายความรู้สึกกัน พยายามที่จะควบคุมกัน เราต่างสร้างความเจ็บปวดให้กันและกัน” นี่คือคำพูดที่พระเอก Gone Girl พูดกับนางเอก ซึ่งก็คือเมียตัวเอง ซึ่งสิ่งที่นางเอกตอบกลับมาคือ “มันคือการแต่งงาน” เสียงราบเรียบตอกย้ำว่ายอมรับเถอะเพราะนี่คือชีวิตคู่ไงจ๊ะเบเบ๊

จากประโยคตัวอย่างของตัวละคร คงพอเดาออกว่า Gone Girl เป็นหนังเกี่ยวกับรักร้าวเตียงหัก จำได้ว่าดูครั้งแรกตอนวันฝนตก อากาศขมุกขมัว ดูจบแล้วถึงกับนอนแน่นิ่ง คิดตาม และเกิดกลัวการมีชีวิตคู่ขึ้นมาเลยทีเดียว ความจริง Gone Girl ไม่ได้จัดอยู่ในหมวดหมู่หนังรักดราม่า เพราะโทนของเรื่องมันเน้นไปทาง Crime, Drama, Mystery, Thriller โดยเล่าเรื่องผ่านชีวิตคู่ของพระเอกกับนางเอก และด้วยความลึกลับของหนัง บวกกับความซับซ้อนของตัวละคร จึงอาจเป็นหนังที่ค่อนข้างดูยาก คนที่จะชอบก็จะชอบเลย ส่วนคนที่ดูแล้วไม่ชอบ ก็ถือว่ามีอะไรให้เก็บไปขบคิดได้

Gone Girl (2014) เริ่มเรื่องจาก Nick (รับบทโดย Ben Affleck) แจ้งตำรวจว่าภรรยา Amy (รับบทโดย Rosamund Pike) หายตัวไป เมื่อตำรวจเข้ามาสืบสวน พร้อมกับสื่อต่างให้ความสนใจ บวกกับความกดดันและจนทำให้วางตัวไม่ถูกต่อหน้าสื่อมวลชน (มีภาพเขายืนข้างรูปถ่ายภรรยา แล้วยิ้มแหย ๆ) ทำให้คนเอะใจและตั้งคำว่า นิคฆ่าเมียตัวเองหรือไม่? หากเล่าถึงเบื้องหลังการหายตัวไปจะเป็นการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญทันที ใครชอบแนวซับซ้อน ซ่อนเงื่อน แนะนำให้ไปตามดูกันเลย

แนะนำทั้งทีก็ต้องอวยกันหน่อย

บรรยากาศของหนัง มีความขมุกขมัว ทำให้รู้สึกถึงความคลุมเคลืออยู่ตลอดเวลา และการเล่าเรื่องแบบตัดภาพ สลับฉากสลับเวลา ทำให้คนดูได้คิดตามและอยากรู้อยากเห็น อีกทั้ง Amy เป็นตัวละครที่มีมิติ มีความซับซ้อน (แถมยังสวยมาก) พ่อแม่ และครอบครัวของ Amy เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เธอมีความกดกันตัวเอง นำไปสู่คาดหวังชีวิตคู่ที่ดีพร้อม และความต้องการเป็นควบคุมทุกอย่าง ที่กล่าวมาเหล่านี้เอง จึงทำให้หนังดูลึกลับ และน่าติดตามมากยิ่งขึ้น เทคนิคการเล่าเรื่องที่ดีตามมาตรฐานผู้กำกับ มีการเล่าเรื่องแบบค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ แล้วดำเนินไปสู่จุดหักมุม และลากเรื่องต่อมาตอนท้ายเพื่อขยี้ความรู้สึกตัวละครและสร้างความสะเทือนอารมณ์ให้กับคนดู เตือนไว้ก่อนเลยว่าดูจบแล้วอาจจะรู้สึกหดหู่เบา ๆ

เรื่องนี้กำกับโดย David Fincher ผู้กำกับคนเก่งที่ถนัดทำหนังหักมุม เช่น Se7en (1995), Fight Club (1999), Panic Room (2002), Zodiac (2007) คราวนี้เขาหยิบเอานิยายขายดีที่เขียนโดย Gillian Flynn มาดัดแปลงเป็นหนังซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่ดีและได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงทั้งรางออสการ์และลูกโลกทองคำ แฟนหนังของ David Fincher ดูแล้วไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน