การ์ตูนสุดฮา Cloudy with a chance of Meatballs มหัศจรรย์ลูกชิ้นตกทะลุมิติ

ชีสเบอร์เกอร์…..!!

หากใครชอบการ์ตูนเบาสมองที่ดูแบบโคตรขำ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ขอแนะนำ การ์ตูนอนิเมชั่นแฟนตาซีจากค่าย Sony Pictures Animation (เจ้าของผลงาน Smuft, Hotel Transylvania, Emoji ) “Cloudy with a chance of Meatballs” (2010) หรือชื่อไทยสุดเพี้ยน “มหัศจรรย์ลูกชิ้นตกทะลุมิติ”สำหรับเนื้อเรื่องก็เพี้ยนไม่แพ้กัน ถ้ายิ่งดูพากย์ไทยนะ บันเทิงมาก ๆ

มหัศจรรย์ลูกชิ้นตกทะลุมิติ เป็นเรื่องราวของ “ฟลินท์ ล็อควู้ด” นักวิทยาลัยศาสตร์หนุ่มผู้ไม่เคยหยุดคิดประดิษฐ์สิ่งของใหม่ ๆ ถึงแม้ว่าสิ่งประดิษฐ์แต่ละอย่างจะไม่เคยได้รับการยอมรับและสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นไม่เคยหยุดหย่อน จนวันหนึ่งเขาก็ได้ประดิษฐ์เครื่องผลิตอาหารสุดล้ำขึ้นมาจนสำเร็จ และเกิดอุบัติเห็นจนมันลอยไปอยู่บนชั้นบรรยากาศ ทำให้ฝนตกลงมาเป็นอาหารต่าง ๆ ทั้งชีสเบอร์เกอร์ ไอศกรีม สเต็ก ฯลฯ สร้างความตื่นตาตื่นใจ ให้แก่ชาวเมืองจนเป็นข่าวดัง ทำให้เขาได้พบกับ “แซม สปาร์ค” นักข่าวสาวที่มีใจรายงานข่าวสภาพอากาศ ในขณะที่เครื่องมือสุดอัจฉริยะทำงานได้เยี่ยม จนทุกคนยอมรับ อาหารที่ตกลงมาก็เริ่มใหญ่ขึ้น กลายเป็นพายุอาหารขนาดยักษ์ที่พร้อมทลายเมืองทั่วโลก ฟลินท์และแซม จึงต้องร่วมมือกันก่อนที่พายุอาหารยักษ์จะทำลายโลกนี้จนพังพินาศ

ฟลินท์ ล็อควู้ด นักวิทยาศาสตร์ผู้ผิดพลาดแต่ไม่เคยยอมแพ้

                ตัวเอกสุดฮาอย่าง” ฟลินท์ ล็อควู้ด” ทายาทร้านขายอุปกรณ์ตกปลา เป็นตัวละครผู้ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา ที่มีความใฝ่ฝัน อยากจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ระดับโลก ถึงแม้ว่าหลายครั้ง จะผิดพลาด หรือถูกดูถูกจากเพื่อน ๆ กลายเป็นตัวตลกประจำห้อง  แต่ก็ไม่เคยหยุดคิดสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ เพราะต้องการการยอมรับ ทำสิ่งที่ตัวเองรัก ช่วยเติมไฟให้กับคนที่กำลังท้อแท้ในการงาน การเรียนได้เป็นอย่างดี จงอย่าหยุดฝัน และทำสิ่งที่ตัวเองชอบ จนกว่าจะประสบผลสำเร็จ

Cloudy with a chance of Meatballs  กำกับโดย คริสโตเฟอร์ มิลเลอร์ และ ฟิล ลอร์ด 2 ผู้กำกับเพื่อนซี้ ที่เคยฝาก ผลงานไว้ใน 22 Jump Street (2014) และ The Lego Movie (2014) ทำให้ตัวหนังมีความฮา เนื้อเรื่อง ไม่ซับซ้อน ไหลไปเรื่อยๆ  มุกตลกและจังหวะให้การฮาต้องบอกว่า รักเลย !!

ตัวละครต่าง ๆ ทั้ง ฟลินท์ ล็อควู้ด, แซม, สปาร์ค, สตีพ(ลิงพูดไม่ได้ต้องใช้เครื่องช่วยแปล) หรือแม้กระทั่งพ่อของฟลินท์ เติมสีสันให้เรื่องราวเข้มข้นน่าติดตาม เรียกเสียงฮาแบบไม่มีหยุด ไอเดียของหนังสร้างสรรค์มาก หยิบเอาเรื่องใกล้ตัว อย่างอาหารออกมายำใส่กับวิทยาศาสตร์ได้อย่างลงตัว สำหรับคนที่ชอบความตลก เอาฮา แนะนำให้ดู แต่คงจะเป็นหนังที่หวังเอาสารัตถะอะไรไปมากไม่ได้ นอกจาก จงสู้ในสิ่งที่ตัวเองรัก และทำให้สำเร็จ

คะแนน : B+

ชวนย้อนวัยเด็ก วันหยุดสุดสัปดาห์กับวู้ดดี้และผองเพื่อนใน“Toy Story 3”

สุดสัปดาห์นี้ถ้าใครมีโอกาสได้หยุดพักผ่อน ว่างเว้นจากงาน ก็อยากจะชวนมาคืนความสดใส ย้อนวัยเยาว์ไปกับการ์ตูนอนิเมชั่นไตรภาคเยี่ยมยอดตลอดกาล “Toy Story” ซึ่งปล่อยภาคแรกมาตั้งแต่ออกมาเมื่อปี 1995  ภาค 2 เมื่อ ปี1999  ในชื่อ “Toy Story 2” และเว้นวรรคยาวนานถึง 10 ปี ถึงได้ปล่อย “Toy Story 3” ออกมาให้เราได้ชมกันอีกครั้งเมื่อปี 2009 ซึ่งถือว่าเป็นการปิดไตรภาคของการ์ตูนชุดนี้ได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว (มีข่าวกระซิบด้วยนะว่าจะมี Toy Story 4)

“Toy Story 3” เล่าถึงเรื่องราวของกลุ่มของเล่นของ “แอนดี้” นำทีมโดย “นายอำเภอวู้ดดี้”, “นักบินอวกาศ บัซ ไลท์เยียร์”, “คาวเกิร์ลสาว เจส” และเพื่อน ๆ แก๊งเดิม เร๊กซ์, ครอบครัวโปเตโต, สกิงกี้, เอเลี่ยน ฯลฯ กลับมาครบทีม การผจญภัยครั้งสุดท้ายเริ่มขึ้น เมื่อปีนี้แอนดี้ ได้เติบโตขึ้นผ่านวัยเด็กเข้าสู่วัยรุ่นเต็มตัว ต้องจากบ้านไปเรียนที่มหาวิทยาลัย การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้เหล่าของเล่นถูกเก็บไว้ไปที่ห้องใต้หลังคา แต่ระหว่างการขนย้ายนั้นแม่ของแอนดี้คิดว่าเป็นถุงขยะ จึงทำให้เหล่าของเล่นเดินทางสู่ซันนี่ไซด์ สถานรับเลี้ยงเด็ก พวกเขาได้พบ “ล็อตโซ่” ตุ๊กตาหมีสีชมพูตัวโตน่ากอด ซึ่งเป็นผู้นำควบคุมและจัดระบบของของเล่นทั้งหมดในซันนี่ไซด์ เหล่าของเล่นต่างน้อยใจคิดว่าแอนดี้ไม่ต้องการแล้ว ยกเว้นวู้ดดี้ ที่ยืนกรานจะกลับไปหาแอนดี้เพียงลำพัง แต่ระหว่างทางกลับบ้านนั้น วู้ดดี้ก็ได้พบความจริงว่า ซันนี่ไซด์ เสื่อมโทรมและเป็นสถานที่อันตรายสำหรับของเล่น โดยมีล็อตโซ่เป็นตัวการทั้งหมด เขาจึงต้องกลับไปช่วยเหลือเพื่อน ๆ เหล่าของเล่น ทั้งหมดจึงวางแผนเพื่อให้ได้กลับบ้านให้ทันเวลาก่อนวู้ดดี้จะไปมหาวิทยาลัย

“วู้ดดี้” นายอำเภอผู้ไม่เคยทิ้งมิตรภาพและความเชื่อ

ตัวละครเอก นายอำเภอวู้ดดี้ (ให้เสียงพากย์โดย ทอม แฮงส์ ) ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของ “มิตรภาพ” ก้าวผ่านทุกช่วงวัยมาพร้อม ๆ กับแอนดี้ตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งเติบโตไปเรียนมหาลัย วู้ดดี้ก็ยังคงอยู่ข้าง ๆ รักและเชื่อมั่นในตัวแอนดี้ไม่มีเสื่อมคลาย เขาไม่เคยคิดว่าแอนดี้จะทอดทิ้งเขาหรือเพื่อนของเล่นอื่น ๆ และถึงแม้ว่าวู้ดดี้จะเป็นคนเดียวที่แอนดี้จะพาไปมหาวิทยาลัยด้วย แต่เมื่อเพื่อนมีภัย เขาก็ไม่เคยวิ่งหนี รีบกลับไปช่วยทุกคนให้พ้นจากอันตราย คาดหวังให้ทุกคนได้อยู่พร้อมหน้า เป็นตัวละครที่ช่วยเติมไฟและเป็นฮีโร่ของทุกช่วงวัยได้เป็นอย่างดี

สำหรับ “Toy Story 3” ทุกอย่างละมุนเหมือนเป็นของหวาน คืนความสดชื่นทุกครั้งที่ได้ดู เนื้อเรื่องมีความลงตัวครบทุกรสชาติ ทั้งสนุก ตื่นเต้นและอิ่มเอม (มีฉากเรียกน้ำตาในตอนท้าย) ปิดไตรภาคได้สมบูรณ์แบบ แฝงใจความสำคัญเกี่ยวกับมิตรภาพ ความสนุกสนานและการเติบโตของเด็กได้อย่างลงตัว ความคลาสสิกของเพลงประกอบ “ฉันคือเพื่อนรู้ใจ” ฟังกี่รอบแล้วก็ยังใจสั่นเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง สำหรับภาพก็สวยสมวัยสไตล์พิกซาร์ สีสันสวย ลื่นตา

วันหยุดนี้ถ้าอยากเติมไฟ คืนความกระชุ่มกระชวยหวนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง อย่าลืมไปผจญภัยกับวู้ดดี้นะ

คะแนน : A+