Black Panther หนังเรื่องแรกในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ที่ได้เข้าชิงรางวัลใหญ่ในเวทีลูกโลกทองคำ

เห็นรายชื่อหนังเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำปี 2019 มี Black Panther ติดโผเข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมสาขาดราม่า เลยอยากให้มาย้อนดูกันซักหน่อยว่าหนังซุปเปอร์ฮีโร่เรื่องนี้มีอะไรดี ถึงได้เป็นหนังในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล เรื่องแรกที่ได้เข้าชิงรางวัลใหญ่

เปิดเผยเนื้อหาแบบหมดเปลือก

หลังจากเจ้าชาย T’Challa ไปร่วมใน Civil War (จาก Captain America Civil War : 2016) เขาได้กลับมา Wakanda และได้รับการสถาปนาเป็นกษัตริย์ต่อจากบิดาซึ่งได้สวรรคตจากเหตุก่อการร้าย ต้องบอกไว้ก่อนว่า Wakanda เป็นประเทศที่อยู่ในทวีปแอฟริกา คนทั่วโลกรู้จักในนามประเทศโลกที่สามที่มีรายได้เข้าประเทศมาจากการเลี้ยงแกะ ส่งออกสิ่งทอและพวกชุดเสื้อผ้าเท่ห์ ๆ แต่ Wakanda ได้ซ่อนตัวจริงไว้ไม่ให้โลกได้รู้ ความจริงแล้ว Wakanda เป็นประเทศร่ำรวยจากแร่ไวเบรเนียม และมีเทคโนโลยีสุดล้ำ ซึ่งใช้แร่ชนิดนี้เป็นตัวขับเคลื่อนและเป็นแหล่งพลังงาน แร่ไวเบรเนียมยังมีคุณสมบัติพิเศษเลยถูกนำมาทำเป็นชุดเกราะและอาวุธของชาว Wakanda

ปกครองประเทศได้ไม่นาน ทีชัลลา (ฝ่าบาท) โอโคเย (นายพลหญิงคนเก่ง) และนาเคีย (สายลับสาว หวานใจฝ่าบาท) ได้เดินทางไปเกาหลีเพื่อตามล่าโจรที่ขโมยแร่ไวเบรเนี่ยม ทำให้ฝ่าบาทได้เจอกับ Killmonger ลูกชายของท่านอา ที่ถูกพระบิดาของฝ่าบาทฆ่าตายเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว ซึ่งต่อมา Killmonger มาท้าชิงบัลลังก์ และนำไปสู่การต่อสู้ครั้งใหญ่ในประเทศ

Black Panther สู่การเข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในเวทีลูกโลกทองคำ

แม้ว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนดูว่า Black Panther มีจุดอ่อนคือฉากแอคชั่นที่ไม่สนุก ไม่ดุเดือดเหมือนหนังซุปเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่น ๆ แต่กลับได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากนักวิจารณ์ ซึ่งนอกจากความสนุกตามแบบฉบับหนังซุปเปอร์ฮีโร่ และฉากที่โชว์ความล้ำหน้าของเทคโนโลยีแล้ว Black Panther มีความแปลกใหม่ตรงที่เป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่เป็นคนผิวสีทั้งเรื่องและอาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกา หนังยังแสดงให้เห็นว่าแม้จะมีความล้ำสมัยไฮเทคโนโลยีมากแค่ไหน แต่ประชาชนในประเทศยังยึดถือวิถีประเพณีดั้งเดิม นอกจากนี้หนังยังสะท้อนประเด็นการเมืองการปกครอง การยอมรับในกฎกติกา การยอมรับในตัวผู้นำ การแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากร สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมแอฟริกัน-อเมริกัน ความแตกต่างด้านเชื้อชาติ ความเห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมโลก และยังส่งเสริมให้มีการแบ่งปันและช่วยเหลือระหว่างประเทศ คาดว่าประเด็นเหล่านี้เองที่มีส่วนเสริมหนุนให้ Black Panther เป็น 1 ใน 5 ของหนังที่เข้าชิงรางลูกโลกทองคำภาพยนตร์ยอดเยี่ยมสาขาดราม่า ประจำปี 2019

ฉากสนุก ๆ ที่อยากแนะนำ

                นอกจากการต่อสู้ในตอนท้ายที่การต่อสู้ครั้งใหญ่ในประเทศและเป็นไคลแมกซ์ของเรื่องแล้ว ฉากในคาสิโนและการไล่ล่าที่เกาหลีนั้นสนุกและน่าจดจำไม่น้อย ในฉากนี้เองที่คนดูจะโอ้โหกับความดูดีมีชาติตระกูลของฝ่าบาท และได้เสพดนตรีประกอบและบรรยากาศแบบเอเชีย ที่น่าประทับใจอีกอย่างคือเพลง All The Stars ที่ดังขึ้นตอนหนังจบพอดีและมันเข้ากันอย่างบอกไม่ถูก

Black Panther ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล 3 รางวัล คือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมสาขาดราม่า เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (เพลง All the Stars) และดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ใครยังไม่ได้ดูแนะนำให้ไปหามาดู แล้วมาลุ้นกันว่าไอ้เสือดำของเราจะได้มากี่รางวัล

Glass คนเหนือมนุษย์ การมาพบกันของซุปเปอร์ฮีโร่ ซุปเปอร์วายร้าย และซุปเปอร์ผู้คุมเกม

เห็นโปรแกรมฉายหนัง Glass คนเหนือมนุษย์ จะเข้าฉายในประเทศไทยช่วงกลางเดือนมกราคม ปี เลยแวะไปดู Official Trailer มาแล้ว และต้องมาบอกต่อว่าหนังน่าดูมาก เรื่องนี้ เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน (M. Night Shyamalan) ยังคงรับหน้าที่เขียนบท กำกับ และยังเป็นผู้อำนวยการสร้างอีกด้วย หลายคนอาจไม่รู้ว่าชยามาลานเป็นเจ้าของผลงานขึ้นหิ้งอย่าง The Sixth Sense และยังมีเรื่อง Unbreakable (2000) และ Split (2016) ซึ่งถือเป็นภาคหนึ่ง และภาคสอง ก่อนจะมาทำภาคสุดท้ายคือ Glass (2019) เวบไซต์หนังหลาย ๆ ที่ต่างกล่าวว่า หนังสามเรื่องที่กล่าวมานี้ เป็นไตรภาครถไฟสายตะวันออก 177 ของชยามาลาน (M. Night Shyamalan’s Eastrail 177 Trilogy)

ภาคแรก Unbreakable: กำเนิดซุปเปอร์ฮีโร่

Unbreakable เฉียดชะตา…สยอง เป็นเรื่องราวของเดวิด ดันน์ (รับบทโดย Bruce Willis) ผู้ชายเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากเหตุรถไฟสาย Eastrail 177 ตกราง มากไปกว่านั้นเดวิดยังเคยรอดชีวิตจากเหตุรถชนกันและเหตุการณ์จมน้ำก่อนหน้านี้อีกด้วย ตัวละครหลักอีกคนหนึ่งคืออีไลจาห์ ไพร์ซ หรือมีอีกชื่อว่า Mr. Glass (รับบทโดย Samuel L. Jackson) เพราะกระดูกหักบ่อยและหักง่ายมาก อันเนื่องมาจากเขาเป็นโรคกระดูกเปราะกรรมพันธุ์นั่นเอง อีไลจาห์เป็นคนคลั่งไคล้การ์ตูนซุปเปอร์ฮีโร่มาตั้งแต่เด็ก และพอทราบว่าเดวิดเป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์จากรถไฟตกราง อีไลจาห์จึงสนใจและได้มาพบกับกับเดวิด พร้อมทั้งตั้งคำถามให้เดวิดกลับไปคิดว่า “คุณเคยป่วยบ้างไหม?”

เนื้อหาของหนังส่วนใหญ่เป็นการสำรวจและค้นหาตัวเองของเดวิด ดันน์ ในขณะที่เขาค้นหาตัวเองเขามีความรู้สึกคัดค้านอยู่ตลอดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในบางครั้งก็ทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธตนเองได้เช่นกัน ถ้าใครได้ดู The Sixth Sense แล้ว จะบอกว่าเรื่องนี้มีโทนของหนังคล้ายกัน คือ บรรยากาศเงียบ ตัวละครพูดน้อย บทสนทนาน้อย แต่เนื้อเรื่องชวนติดตาม ทำให้อยากรู้ว่าเดวิดมีพลังเหนือธรรมชาติจริงหรือไม่ บวกกับตอนท้ายมีการหักมุมเบา ๆ ซึ่งทำให้ร้อง เห้ย! ได้เลยทีเดียว

ภาคสอง Split: กำเนิดซุปเปอร์วายร้าย

Split จิตหลุดโลก ออกฉายเมื่อปี 2016 เป็นเรื่องของเควิน ผู้ชายที่มี 23 บุคลิก (รับบทโดย James McAvoy) แต่ละบุคลิกจะมีชื่อแตกต่างกันชนิดที่จำชื่อไม่หวาดไม่ไหว เขาลักพาตัวสาววัยรุ่น 3 คน มาขังไว้ในสถานที่ลึกลับ เรื่องนี้มีความตื่นเต้น ระทึกขวัญ และโดดเด่นตรงการแสดงของ James McAvoy เมื่อต้องเปลี่ยนแปลงเป็นหลาย ๆ บุคลิกในฉากเดียวกัน โดยเฉพาะในตอนท้ายที่มีบุคลิก The Beast โผล่มา ทำให้คนดูเกิดคำถามประมาณว่า ‘คนอะไร แหวกกรงเหล็กได้ แบบนี้ไม่ใช่คนแล้ว’ คนดูเลยรู้สึกว่ามันแฟนตาซีและเวอร์วังเกินไป แต่ที่ไหนได้ มันคือการหักมุม (เรื่องถนัดของผู้กำกับคนนี้) เพื่อปูเรื่องว่าความจริงแล้ว Split นี่แหล่ะ คือกำเนิด The Beast ซุปเปอร์วายร้าย และเป็นภาคต่อเนื่องของ Unbreakable กำเนิดซุปเปอร์ฮีโร่ เมื่อ 15 ปีก่อนนั่นเอง

Glass: จุดจบไตรภาครถไฟสายตะวันออก 177 ของชยามาลาน

จากตัวอย่างหนัง ที่จะเข้าฉายกลางเดือนมกราคม 2019 เราจะได้เห็นการกลับมาของ ซุปเปอร์ฮีโร่เดวิด ดันน์ และซุปเปอร์วายร้าย The Beast แน่นอน ส่วน  Mr. Glass ที่น่าจะเป็นตัวละครหลักของภาคนี้ ต้องมาลุ้นกันว่าเขาจะเป็นซุปเปอร์คอมมานเดอร์หรือเป็นอะไรที่สร้างความประหลาดใจให้กับคนดูได้มากมายแค่ไหน และมาคอยดูกันว่าชยามาลาน จะมีหักมุมเจ๋ง ๆ ให้เราได้ร้อง เห้ย! กันอีกหรือเปล่า