The Boss Baby เรื่องราวของเบบี่ที่ดูแล้วแฮปปี้ทั้งครอบครัว

การ์ตูนอนิเมชั่นสุดน่ารักของค่าย ดรีมเวิร์ค ที่การันตีคุณภาพจากผู้กำกับชื่อดังอย่าง ทอม แมคเกรท เข้าฉายในไทยเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2017 และได้กระแสการตอบรับที่ดีเกินคาด ด้วยสไตล์หนังที่ไม่ได้สร้างมาเพื่อให้เด็ก ๆ ดูเท่านั้น เนื้อเรื่องจึงมีการโชว์ความน่ารักอย่างโดดเด่นของตัวละคร มีทั้งฉากสนุกสนาน ฉากให้ข้อคิด และฉากที่จะทำให้คุณประทับแบบลืมไม่ลงเลยล่ะ

เปิดฉากเล่าเรื่องด้วยการผจญภัยในดินแดนแห่งจินตนาการสุดสร้างสรรค์ของ ทิโมธี เท็มเบลตัน หรือ ทิม (ให้เสียงโดย Miles Christopher Bakshi) อายุ 7 ขวบ พร้อมประโยคที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจกับหลาย ๆ คน ตัวละครพยายามจะแสดงให้เห็นว่าตอนเด็กนั้นจินตนาการเป็นของเรา ไม่จำเป็นต้องกังวลถึงความถูกผิดใด ๆ ทิมมีช่วงเวลาที่แสนมีความสุข ได้ฟังเพลงพิเศษ และได้รับอ้อมกอดที่อบอุ่นในทุก ๆ คืน แต่แล้วจู่ ๆ พ่อเท็ด (ให้เสียงโดย Jimmy Kimmel) และแม่เจนิซ (ให้เสียงโดย Lisa Kudrow) ก็ถามว่าทิมอยากจะมีน้องชายสักคนหรือเปล่า ถึงแม้ว่าเขาจะตอบไปว่าการเป็นลูกคนเดียวนั้นมีความสุขแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้การตัดสินใจที่อยากจะมีลูกชายอีกคนหนึ่งของพ่อและแม่เปลี่ยนไป

ตัดภาพมาที่ฝั่งของบริษัทผลิตทารก ที่วาดลายเส้นได้สบายตาและน่ารักสุด ๆ รางเคลื่อนย้ายเบบี๋รูปร่างคล้ายกระดานลื่นขนาดใหญ่ ที่เรียกได้ว่าผู้ใหญ่เห็นแล้วก็อยากที่จะลองเล่นกันสักครั้งเลยทีเดียว ใช้สปริงเด้งในการแบ่งเพศชายหญิง และคัดเลือกครอบครัวโดยการหาจุดที่บรรดาทารกนั้นจะรู้สึกบ้าจี้ ส่วนเบบี๋คนไหนที่มีข้อแตกต่างจากคนอื่น ก็จะถูกส่งตัวเข้าไปทำงานในออฟฟิตของบริษัทผลิตทารกทันที เกิดมายังไม่ทันได้เป็นเด็กเล่นซนตามวัย ก็ต้องใส่สูทผูกไทต์กลายเป็นผู้ใหญ่ซะอย่างนั้น น่าสงสารจริง ๆ

แล้ววันแรกที่ครอบครัวเท็มเบลตันจะมีสมาชิกเพิ่มอีกคนหนึ่งก็มาถึง เมื่อจู่ ๆ ก็มีแท็กซี่มาจอดที่หน้าบ้านของทิม พร้อมกับมีเด็กทารกที่ใส่สูท และถือกระเป๋าสีดำใบใหญ่ แถมยังโชว์สเต็ปการแดนซ์ขั้นเทพ ลงมาจากรถอีก หลังจากบอสเบบี๋เข้ามาอยู่ในครอบครัวของทิม บรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยนไป ทุกคนหัวหมุนอยู่กับการดูแลทารกน้อย และยังมีเวลาให้ทิมน้อยลง จนทิมเริ่มรู้สึกน้อยใจ ทุก ๆ พื้นที่ที่เคยเป็นของเขา ตอนนี้กลับถูกใช้เป็นที่วางของเล่น ของเจ้าหนูเบบี๋ไปซะหมด เป็นอีกฉากที่ทำให้รู้สึกจุกได้ดีเช่นกัน เพราะปัญหาที่เด็กรู้สึกว่าได้รับความรักอย่างไม่เท่าเทียมนั้นเกิดขึ้นจริง กับสังคมสมัยนี้ในหลายครอบครัว เนื้อเรื่องก็แก้ปัญหาได้ด้วยวิธีที่อบอุ่นหัวใจมากเลยทีเดียว

เรียกได้ว่าเป็นอนิเมชั่นที่ครบรสจริง ๆ ทั้งเรื่องราวการแบ่งปันความรักต่อคนในครอบครัว มิตรภาพระหว่างเพื่อนพ้องน้องพี่ และเรื่องราวการผจญภัยอีกมากมาย ที่จะทำให้คุณรู้สึกอบอุ่นอบอวลไปด้วยความน่ารักของทุกตัวละครในเรื่อง และได้แรงบันดาลใจอย่างล้นหลามแน่นอน บอกเลยว่าเรื่องนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด

 

การ์ตูนสุดฮา Cloudy with a chance of Meatballs มหัศจรรย์ลูกชิ้นตกทะลุมิติ

ชีสเบอร์เกอร์…..!!

หากใครชอบการ์ตูนเบาสมองที่ดูแบบโคตรขำ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ขอแนะนำ การ์ตูนอนิเมชั่นแฟนตาซีจากค่าย Sony Pictures Animation (เจ้าของผลงาน Smuft, Hotel Transylvania, Emoji ) “Cloudy with a chance of Meatballs” (2010) หรือชื่อไทยสุดเพี้ยน “มหัศจรรย์ลูกชิ้นตกทะลุมิติ”สำหรับเนื้อเรื่องก็เพี้ยนไม่แพ้กัน ถ้ายิ่งดูพากย์ไทยนะ บันเทิงมาก ๆ

มหัศจรรย์ลูกชิ้นตกทะลุมิติ เป็นเรื่องราวของ “ฟลินท์ ล็อควู้ด” นักวิทยาลัยศาสตร์หนุ่มผู้ไม่เคยหยุดคิดประดิษฐ์สิ่งของใหม่ ๆ ถึงแม้ว่าสิ่งประดิษฐ์แต่ละอย่างจะไม่เคยได้รับการยอมรับและสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นไม่เคยหยุดหย่อน จนวันหนึ่งเขาก็ได้ประดิษฐ์เครื่องผลิตอาหารสุดล้ำขึ้นมาจนสำเร็จ และเกิดอุบัติเห็นจนมันลอยไปอยู่บนชั้นบรรยากาศ ทำให้ฝนตกลงมาเป็นอาหารต่าง ๆ ทั้งชีสเบอร์เกอร์ ไอศกรีม สเต็ก ฯลฯ สร้างความตื่นตาตื่นใจ ให้แก่ชาวเมืองจนเป็นข่าวดัง ทำให้เขาได้พบกับ “แซม สปาร์ค” นักข่าวสาวที่มีใจรายงานข่าวสภาพอากาศ ในขณะที่เครื่องมือสุดอัจฉริยะทำงานได้เยี่ยม จนทุกคนยอมรับ อาหารที่ตกลงมาก็เริ่มใหญ่ขึ้น กลายเป็นพายุอาหารขนาดยักษ์ที่พร้อมทลายเมืองทั่วโลก ฟลินท์และแซม จึงต้องร่วมมือกันก่อนที่พายุอาหารยักษ์จะทำลายโลกนี้จนพังพินาศ

ฟลินท์ ล็อควู้ด นักวิทยาศาสตร์ผู้ผิดพลาดแต่ไม่เคยยอมแพ้

                ตัวเอกสุดฮาอย่าง” ฟลินท์ ล็อควู้ด” ทายาทร้านขายอุปกรณ์ตกปลา เป็นตัวละครผู้ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา ที่มีความใฝ่ฝัน อยากจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ระดับโลก ถึงแม้ว่าหลายครั้ง จะผิดพลาด หรือถูกดูถูกจากเพื่อน ๆ กลายเป็นตัวตลกประจำห้อง  แต่ก็ไม่เคยหยุดคิดสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ เพราะต้องการการยอมรับ ทำสิ่งที่ตัวเองรัก ช่วยเติมไฟให้กับคนที่กำลังท้อแท้ในการงาน การเรียนได้เป็นอย่างดี จงอย่าหยุดฝัน และทำสิ่งที่ตัวเองชอบ จนกว่าจะประสบผลสำเร็จ

Cloudy with a chance of Meatballs  กำกับโดย คริสโตเฟอร์ มิลเลอร์ และ ฟิล ลอร์ด 2 ผู้กำกับเพื่อนซี้ ที่เคยฝาก ผลงานไว้ใน 22 Jump Street (2014) และ The Lego Movie (2014) ทำให้ตัวหนังมีความฮา เนื้อเรื่อง ไม่ซับซ้อน ไหลไปเรื่อยๆ  มุกตลกและจังหวะให้การฮาต้องบอกว่า รักเลย !!

ตัวละครต่าง ๆ ทั้ง ฟลินท์ ล็อควู้ด, แซม, สปาร์ค, สตีพ(ลิงพูดไม่ได้ต้องใช้เครื่องช่วยแปล) หรือแม้กระทั่งพ่อของฟลินท์ เติมสีสันให้เรื่องราวเข้มข้นน่าติดตาม เรียกเสียงฮาแบบไม่มีหยุด ไอเดียของหนังสร้างสรรค์มาก หยิบเอาเรื่องใกล้ตัว อย่างอาหารออกมายำใส่กับวิทยาศาสตร์ได้อย่างลงตัว สำหรับคนที่ชอบความตลก เอาฮา แนะนำให้ดู แต่คงจะเป็นหนังที่หวังเอาสารัตถะอะไรไปมากไม่ได้ นอกจาก จงสู้ในสิ่งที่ตัวเองรัก และทำให้สำเร็จ

คะแนน : B+