Rise Of The Guardians ห้าเทพผู้พิทักษ์

วันนี้เราจะมาแนะนำภาพยนตร์อนิเมชั่นงานดี งานสนุก ที่มาพร้อมเทศกาลแห่งความสุขของเด็กๆ เป็นอีกหนึ่งผลงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพจากค่าย ดรีมเวิร์ค เข้าฉายเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2555 เรียกได้ว่าเป็นหนังที่สร้างความประทับใจในเทศกาลคริสต์มาสที่ดีมาก ๆ จนได้รับรางวัล แซทเทิลไลท์ อวอร์ด สาขาภาพยนตร์อนิเมชั่น หรือสื่อผสมยอดเยี่ยม ด้วยเรื่องราวที่จะทำให้คุณอบอุ่นหัวใจ เมื่อดูแล้วเหมือนได้เติมไฟแห่งความเชื่อ และความหวังเหมือนวัยเด็ก ให้กลับมาลุกโชนอีกครั้ง

เรื่องราวเริ่มต้นที่ใต้ธารน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ พร้อมร่างของเด็กหนุ่มที่ฟื้นคืนชีพจากความตาย ด้วยการเลือกสรรของบุรุษแห่งดวงจันทร์ และได้ให้ชื่อเขาว่า แจ็คฟรอสต์ (ให้เสียงโดย คริสต์ไพน์) พร้อมทั้งทำให้เขามีพลังพิเศษในการความคุมความหนาวเย็น มีพลังสร้างเกร็ดน้ำแข็ง และหิมะ แต่ แจ็ค ฟรอสต์ ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับตัวเองในช่วงเวลาก่อนหน้านี้หลงเหลืออยู่เลยแม้แต่นิดเดียว เขาจึงพยายามหาร่องรอยความทรงจำนั้น และหาเหตุผลที่บุรุษแห่งดวงจันทร์เลือกเขา ให้ได้มีพลังวิเศษเหล่านี้ อีกทั้งความโดดเดี่ยวที่ไม่มีผู้คนรู้จัก หรือศรัทธาในตัวเขาแม้แต่คนเดียว เพราะคิดว่า แจ็ค ฟรอสต์ เป็นเพียงตำนานไม่มีอยู่จริง นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขารู้สึกหมดหวังในตัวเองอย่างมาก เป็นฉากที่สะท้อนสังคมในแง่ที่ว่า เราทุกคนล้วนที่ต้องการเป็นที่ยอมรับของสังคม แม้เพียงคนเดียวที่มองเห็นคุณค่าในตัวเรา ก็จะทำให้รู้สึกไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป ซึ่งสามารถสื่อสารเรื่องราวสะท้อนสังคมออกมาได้ดีจริง ๆ

เหล่าบรรดาเทพผู้พิทักษ์ เช่น ซานตาคลอส กระต่ายอีสเตอร์ หรือแม้กระทั้งนางฟ้าฟันน้ำนม และตำนานของเทศกาลในวัยเด็ก กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ด้วยบทบาทหน้าที่ ที่คอยปกป้องคุ้มครองความฝัน และความหวังของเด็ก ๆไม่ให้ พิทช์แบล็ค หรือ บูกี้แมนเจ้าแห่งความฝันร้าย มาทำลายความฝันและความเชื่อของเด็ก ๆได้ เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ไม่ได้เน้นช่วงของปัญหาต่าง ๆ แบบลงลึกมากนัก อาจจะเป็นเพราะมีตัวละครหลายตัวที่ต้องกระจายบทให้ทั่วถึง จึงทำให้รายละเอียดของตัวละครนั้นน้อยลง แต่การจัดช่วงเวลาให้ตัวละครมีบทบาทในเรื่อง ก็ทำออกมาได้ดีจนต้องยกนิ้วให้ ไม่มีฉากที่ทำให้รู้สึกอึดอัดหรือไร้ประโยชน์มากนัก

ใครที่กำลังมองหาการ์ตูนดี ๆ สักเรื่องไว้ดูกับครอบครัว หรือเอาไว้ดูแก้เครียดอยู่ละก็แนะนำว่าลองเปิดใจให้กับ Rise Of The Guardians ห้าเทพผู้พิทักษ์ แล้วคุณจะได้ทั้งข้อคิดใหม่ ๆ และเติมพลังใจให้กลับมาสู้ต่ออย่างเหลือเชื่อ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

 

The Boss Baby เรื่องราวของเบบี่ที่ดูแล้วแฮปปี้ทั้งครอบครัว

การ์ตูนอนิเมชั่นสุดน่ารักของค่าย ดรีมเวิร์ค ที่การันตีคุณภาพจากผู้กำกับชื่อดังอย่าง ทอม แมคเกรท เข้าฉายในไทยเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2017 และได้กระแสการตอบรับที่ดีเกินคาด ด้วยสไตล์หนังที่ไม่ได้สร้างมาเพื่อให้เด็ก ๆ ดูเท่านั้น เนื้อเรื่องจึงมีการโชว์ความน่ารักอย่างโดดเด่นของตัวละคร มีทั้งฉากสนุกสนาน ฉากให้ข้อคิด และฉากที่จะทำให้คุณประทับแบบลืมไม่ลงเลยล่ะ

เปิดฉากเล่าเรื่องด้วยการผจญภัยในดินแดนแห่งจินตนาการสุดสร้างสรรค์ของ ทิโมธี เท็มเบลตัน หรือ ทิม (ให้เสียงโดย Miles Christopher Bakshi) อายุ 7 ขวบ พร้อมประโยคที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจกับหลาย ๆ คน ตัวละครพยายามจะแสดงให้เห็นว่าตอนเด็กนั้นจินตนาการเป็นของเรา ไม่จำเป็นต้องกังวลถึงความถูกผิดใด ๆ ทิมมีช่วงเวลาที่แสนมีความสุข ได้ฟังเพลงพิเศษ และได้รับอ้อมกอดที่อบอุ่นในทุก ๆ คืน แต่แล้วจู่ ๆ พ่อเท็ด (ให้เสียงโดย Jimmy Kimmel) และแม่เจนิซ (ให้เสียงโดย Lisa Kudrow) ก็ถามว่าทิมอยากจะมีน้องชายสักคนหรือเปล่า ถึงแม้ว่าเขาจะตอบไปว่าการเป็นลูกคนเดียวนั้นมีความสุขแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้การตัดสินใจที่อยากจะมีลูกชายอีกคนหนึ่งของพ่อและแม่เปลี่ยนไป

ตัดภาพมาที่ฝั่งของบริษัทผลิตทารก ที่วาดลายเส้นได้สบายตาและน่ารักสุด ๆ รางเคลื่อนย้ายเบบี๋รูปร่างคล้ายกระดานลื่นขนาดใหญ่ ที่เรียกได้ว่าผู้ใหญ่เห็นแล้วก็อยากที่จะลองเล่นกันสักครั้งเลยทีเดียว ใช้สปริงเด้งในการแบ่งเพศชายหญิง และคัดเลือกครอบครัวโดยการหาจุดที่บรรดาทารกนั้นจะรู้สึกบ้าจี้ ส่วนเบบี๋คนไหนที่มีข้อแตกต่างจากคนอื่น ก็จะถูกส่งตัวเข้าไปทำงานในออฟฟิตของบริษัทผลิตทารกทันที เกิดมายังไม่ทันได้เป็นเด็กเล่นซนตามวัย ก็ต้องใส่สูทผูกไทต์กลายเป็นผู้ใหญ่ซะอย่างนั้น น่าสงสารจริง ๆ

แล้ววันแรกที่ครอบครัวเท็มเบลตันจะมีสมาชิกเพิ่มอีกคนหนึ่งก็มาถึง เมื่อจู่ ๆ ก็มีแท็กซี่มาจอดที่หน้าบ้านของทิม พร้อมกับมีเด็กทารกที่ใส่สูท และถือกระเป๋าสีดำใบใหญ่ แถมยังโชว์สเต็ปการแดนซ์ขั้นเทพ ลงมาจากรถอีก หลังจากบอสเบบี๋เข้ามาอยู่ในครอบครัวของทิม บรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยนไป ทุกคนหัวหมุนอยู่กับการดูแลทารกน้อย และยังมีเวลาให้ทิมน้อยลง จนทิมเริ่มรู้สึกน้อยใจ ทุก ๆ พื้นที่ที่เคยเป็นของเขา ตอนนี้กลับถูกใช้เป็นที่วางของเล่น ของเจ้าหนูเบบี๋ไปซะหมด เป็นอีกฉากที่ทำให้รู้สึกจุกได้ดีเช่นกัน เพราะปัญหาที่เด็กรู้สึกว่าได้รับความรักอย่างไม่เท่าเทียมนั้นเกิดขึ้นจริง กับสังคมสมัยนี้ในหลายครอบครัว เนื้อเรื่องก็แก้ปัญหาได้ด้วยวิธีที่อบอุ่นหัวใจมากเลยทีเดียว

เรียกได้ว่าเป็นอนิเมชั่นที่ครบรสจริง ๆ ทั้งเรื่องราวการแบ่งปันความรักต่อคนในครอบครัว มิตรภาพระหว่างเพื่อนพ้องน้องพี่ และเรื่องราวการผจญภัยอีกมากมาย ที่จะทำให้คุณรู้สึกอบอุ่นอบอวลไปด้วยความน่ารักของทุกตัวละครในเรื่อง และได้แรงบันดาลใจอย่างล้นหลามแน่นอน บอกเลยว่าเรื่องนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด