สวนกระแสความวุ่นวายในฝรั่งเศส ด้วยการย้อนไปดูหนังรักโรแมนติกในดวงใจ Midnight in Paris

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Midnight in Paris โดยผู้กำกับ วู้ดดี้ อัลเลน เรื่องนี้อบอวลไปด้วยความโรแมนติก แถมยังขับกล่อมให้คนดูหลงใหลในมนต์เสน่ห์และตกหลุมรักเมืองปารีสเข้าอย่างจัง พาเราให้หลุดเข้าไปในโลกจินตนาการและได้ปลดปล่อยความเพ้อฝันในช่วงเวลาเพียง 94 นาที

Midnight in Paris (2011) เป็นภาพยนตร์แนว Fantasy, Comedy, Romance เล่าเรื่องของกิล (รับบทโดย Owen Wilson) ได้เดินทางมาปารีส มหานครที่เขาหลงรัก เพื่อมาหาแรงบรรดาลใจในการทำงานเขียนของเขา และถือเป็นการพาคู่หมั้นของเขาคือ อิเนซ (รับบทโดย Rachel McAdams) และพ่อแม่ของอิเนซมาเที่ยวไปด้วยในตัว ซึ่งการมาฝรั่งเศสครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกว่าเขาและอิเนซช่างแตกต่างกันทั้งแนวทางการใช้ชวิต ความคิด และทัศนคติ ในขณะที่อิเนซเพลิดเพลินกับการเที่ยวสถานที่หรูหราและโด่งดังในฝรั่งเศส กิลได้พบว่าช่วงเวลาเที่ยงคืนเขาหลงเข้าไปในอดีตยุค 1920 เขาได้พบกับนักดนตรีชื่อดังอย่าง โคล พอทเตอร์ นักเขียนชื่อดัง F. Scott Fitzgerald ซึ่งพาเขาให้ไปเจอนักเขียนในดวงใจอย่าง Ernest Hemingway และเขายังได้เจอศิลปินในยุคนั้นอีกมากมาย กิลได้รู้จักกับอะเดรียน่า (รับบทโดย Marion Cotillard) สาวสวยที่หลงใหลในศิลปะ กิลรู้สึกเหมือนได้คุยกับคนที่พูดภาษาเดียวกันและได้ตกหลุมรักสาวสวยคนนี้ ซึ่งเวลาเที่ยงคืนของทุกคืนเขาจะหลุดเข้าไปในอดีตดังกล่าว เมื่อเขาได้มาอยู่ในยุคที่ตัวเองหลงใหลและปลาบปลื้ม เป็นยุคที่งานเขียนเฟื่องฟู เต็มไปด้วยนักเขียนในตำนาน แถมมีสาวสวยที่เขาตกหลุมรัก จึงทำให้กิลอยากจะติดอยู่ในยุค 1920s ตลอดไป จุดที่ทำให้กิลเปลี่ยนความคิด คือ เมื่อคืนหนึ่งเขาและอะเดรียน่า ได้หลุดไปในยุค 1890s และอะเดรียน่าก็หลงใหลได้ปลื้มกับความเฟื่องฟูยุคนี้มาก เธอรู้สึกเหมือนกิล คืออยากจะอยู่ในอดีตตลอดไป แต่เป็นยุค 1890s คนละเวลากับยุคสมัยที่กิลปลาบปลื้ม ทำให้กิลเริ่มตระหนักว่าความหลงใหลในอดีตมันคงเป็นวัฎจักรกันแบบนี้ เราอยู่ในยุคไหนคงหนีไม่พ้นที่จะนึกถึงและโหยหาช่วงเวลาที่ผ่านพ้นมา (ฟังแล้วคุ้น ๆ เหมือนเคยได้ยินกระแสชาว Gen X ในประเทศไทยโหยหาช่วงเวลายุค 90s ซึ่งมีการแชร์และแบ่งปันความประทับใจของยุคนั้นทั้งวิถีชีวิตของวัยรุ่น ขนมและของกินยอดฮิต รสนิยมทางดนตรี และศิลปินคนโปรด)

Midnight in Paris กล่อมคนดูให้มีความฟุ้งฝัน ในขณะเดียวก็ฉายภาพสวยคลาสสิกและโรแมนติกในซอกมุมต่าง ๆ ของนครปารีส ดึงดูดให้อยากไปชมด้วยตาตัวเองซักครั้ง แถมใช้คำพูดของตัวละครโน้มน้าวให้คนดูคล้อยตาม เช่น ตอนที่กิลบอกว่าการเดินกลางฝนพรำในเมืองปารีสเป็นอะไรที่โรแมนติกที่สุด เอาน่า…ดูหนังแล้วคงได้เดินทางไกลไปตามรอย Midnight in Paris ซักครั้งในชีวิต

Sing Street หนัง Coming of Age ที่สอนให้เรียนรู้ที่จะมีความสุขกับความเศร้าทั้งปวงในชีวิต

Sing Street (2016) หนังของเด็กวัยรุ่นที่กำลังค้นหาทางของตัวเองและกำลังก้าวผ่านชีวิตอันสับสน วุ่นวาย และเจ็บปวด ผลงานของ ผู้กำกับ John Carney เจ้าของผลงานกำกับที่ยังคงประทับใจแฟนหนังอย่าง Once (2007) และ Begin Again (2013)

เพราะเป็นวัยรุ่น จึงเจ็บปวด รึไงกัน!

Sing Street เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในกรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ในช่วงปี 1980s เล่าถึงชีวิตของคอเนอร์ (รับบทโดย Ferdia Walsh-Peelo) เด็กชายอายุ 15 ที่กำลังเติบโตในครอบครัวที่เริ่มมีปัญหาอันเนื่องมากจากเศรษฐกิจตกต่ำ พ่อตกงาน แม่ถูกลดจำนวนวันทำงาน เมื่อรายได้น้อยลงพ่อแม่จึงให้เขาย้ายจากโรงเรียนเอกชน ไปเรียนที่ Synge Street โรงเรียนของรัฐที่เคร่งเรื่องกฎระเบียบ และชีวิตวัยรุ่นแสนเจ็บปวดของคอเนอร์ ก็เริ่มขึ้น เมื่อพ่อแม่เริ่มทะเลาะกัน และมีแนวโน้มจะหย่าไม่ช้าก็เร็ว ที่โรงเรียนมีเด็กเกเรคอยรังแก ครูใหญ่ที่เคร่งกฎระเบียบพยายามจะล่วงละเมิดและทำร้ายเขา แถมยังผิดใจกับพี่ชายของตัวเองอีก จุดเปลี่ยนของเรื่องคือ คอเนอร์ ได้พบราฟิน่า (รับบทโดย Lucy Boynton) สาววัยรุ่นหน้าตาสวยคม อายุมากกว่า 1 ปี คอเนอร์ชอบเธอทันทีและตัดสินใจเข้าไปขอเบอร์ โดยบอกว่าอยากชวนเธอไปถ่าย MV ทึกทักไปเรื่อยว่าเขามีวงดนตรี เมื่อได้เบอร์สาวมาแล้ว ก็ถึงเวลาฟอร์มวงดนตรี

คอเนอร์หาเพื่อนมาฟอร์มวงดนตรี และตั้งชื่อวงล้อมาจากชื่อโรงเรียนว่า “Sing Street” จากเด็กที่ไม่มีความรู้เรื่    องดนตรี เขาเริ่มเรียนรู้แนวดนตรีจากพี่ชายของเขา แต่งเพลงเอง ใส่ทำนองกันเอง ถ่าย MV กันเอง จากเรื่องที่จะทำเล่น ๆ เพื่อเอามาจีบสาว กลายเป็นความชอบ ความฝัน และอนาคตของเขา

ความเศร้าน่ะ ใคร ๆ ก็มีทั้งนั้น มีความสุขกับมันสิ แล้วก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน

จากเรื่องราวเราจะได้เห็นว่าคอเนอร์เป็นคนจิตใจดีและมีทัศนคติที่ดี แม้เขาจะเจอเรื่องทำร้ายหัวใจหลายเรื่องในคราวเดียว แต่เขารับมือได้ เขาไม่เคยเอาเรื่องถูกรังแกที่โรงเรียนมาบอกพ่อแม่ ในขณะเดียวกันเรื่องพ่อแม่หย่ากันซึ่งเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนใจของเขาที่สุด เขาก็ไม่สามารถไประบายกับใครได้ เขาเลยระบายความอัดอั้นทั้งหมดทั้งมวลลงไปในเพลง ทั้งความรักและความฝันคือพลังที่ทำให้เขาสามารถก้าวผ่านไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ และที่สำคัญคือต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับความผิดหวัง และมีความสุขปนเศร้าให้ได้

หนังเรื่องนี้นอกจากจะ Feel Good และมีความสุขปนเศร้า น้ำตาคลอแล้ว เรายังจะได้กลับไปฟังเพลงสไตล์ป๊อบร็อคและย้อนบรรยากาศในยุค 80 อีกด้วย เพลงของวง Sing Street มีแต่เพราะ ๆ ดี ๆ ทั้งนั้น แถมเด็ก ๆ ในวงหน้าหล่อหน้าใสมาก นอกจากคอเนอร์นักร้องนำแล้ว อีกคนหนึ่งที่น่าสนใจคือเอมอน (รับบทโดย Mark McKenna) มือกีตาร์ น้องมีความเนิร์ด ความเก่ง และมีคาแรคเตอร์ที่โดดมาก คนดูรุ่นป้า ๆ รับรองมีใจละลาย ส่วนนางเอก น้องราฟินานั้น ก็มีเสน่ห์มาก

Enchanted มหัศจรรย์รักข้ามภพ หนังรักอารมณ์ดีที่ต้องดู

วันนี้เราจะพาคุณกระโดดข้ามภพ ข้ามกาลเวลา มารู้จักกับภาพยนตร์กึ่งอนิเมชั่นสัญชาติอเมริกัน ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยาย สไตล์โรแมนติกคอมเมดี้ชื่อดัง สุดคลาสสิก อำนวยการสร้างโดยวอลด์ดิสนีย์พิคเจอร์ส และโจเซฟสันเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เข้าฉายในไทยเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2551 เป็นภาพยนตร์ที่ใช้เพลงประกอบรวม ๆ แล้วประมาณ 15 เพลงด้วยกัน แถมยังใช้นักแสดงนำในการขับร้องอีกด้วยซึ่ง เอมี่ อาดัมส์ ก็ทำออกมาได้ดีมากจริง ๆ

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์ที่มีชื่อว่า ดินแดนแอนดาเลเชีย ที่ปกครองด้วยราชินีแม่มดมีนามว่า นาลิสซ่า พร้อมทั้งเจ้าชาย เอ็ดเวิร์ด ลูกบุญธรรมของเธอ อีกทั้งยังมีหญิงสาวผู้บริสุทธิ์และแสนงดงามอาศัยอยู่ นางมีชื่อว่า จีเซล (เอมี่ อาดัมส์) เธอเป็นหญิงสาวที่มีเสียงไพเราะน่าฟังที่สุดในดินแดนแห่งนี้ และยังสามารถสื่อสารกับบรรดาสัตว์ทุกชนิดในแอนดาเลเชียได้อีกด้วย ความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวของจีเซลคือ การได้พบเจ้าชาย เธอเชื่อว่ารักแท้นั้นสวยงาม ฉากนี้ทำออกมาได้น่าประทับใจมาก ด้วยการขับร้องเป็นบทเพลง ในขณะที่จีเซลกับบรรดาสัตว์ทั้งหลาย ช่วยกันตกแต่งร่างของเจ้าชายที่เธอพบเจอในความฝัน พร้อมกับประโยคสุดโรแมนติกที่ว่า “เมื่อเราพบใครสักคนที่สร้างมาเพื่อเรา ก่อนจะได้เคียงคู่กับเขา ต้องทำสิ่งที่สำคัญ นั่นคือจุมพิตแห่งรักแท้” เรียกได้ว่าเป็นฉากที่แสดงให้เห็นถึงมุมมองที่มีต่อความรักที่สวยงามจริง ๆ แม้เธอจะไม่เคยได้พบเจ้าชายมาก่อนเลยก็ตาม และเมื่อทั้งสองได้พบกันจากเสียงเพลงที่ไพเราะนั้น ก็ตกลงปลงใจ ที่จะแต่งงานกันในวันรุ่งขึ้นทันที เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่เกิดขึ้นได้ยากมากในชีวิตจริง สำหรับการแต่งงานกับคนที่เพิ่งได้เจอกันแค่วันเดียว แต่ประเด็นนี้ก็ไม่ได้ทำให้หนังสนุกน้อยลงเลย

เมื่อราชินีรู้ข่าวว่าเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด และหญิงสาวแสนสวยตกลงจะแต่งงานกัน นางเลยกลัวว่าหญิงสาวผู้นั้นจะมาแย่งตำแหน่งราชินีไป จึงล่อลวงให้จีเซลว่าที่เจ้าหญิงคนใหม่ ไปอธิษฐานขอพรที่น้ำตกวิเศษ ก่อนจะเข้าพิธีแต่งงาน จากนั้นก็ผลักเธอลงไปในเหวน้ำตก พร้อมทั้งร่ายมนต์ให้จีเซลต้องตกไปอยู่ในสถานที่ ซึ่งไม่มีความสุขตลอดกาล ซึ่งที่นั่นก็คือโลกหรือสังคมในปัจจุบันของเรานั่นเอง เนื้อเรื่องพยายามสื่อถึงความวุ่นวาย อิจฉาริษยา และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในทุกสมัย แล้วเรื่องราววุ่น ๆ ก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อจีเซลต้องข้ามภพมากลายเป็นมนุษย์ และบังเอิญได้พบการชายหนุ่มที่เข้ามาช่วยให้เธอรอดพ้นจากคืนอันโหดร้าย อีกทั้งพยายามช่วยเธอหาทางกลับไปงานแต่งงานให้ทันอีกด้วย

เรื่องราวจะลงเอยอย่างไร เมื่อเธอต้องเลือกระหว่างความรักในเทพนิยายที่รักกันด้วยบทเพลง กับความรักในโลกปัจจุบัน ที่เต็มไปด้วยความจริงใจและอุปสรรคอีกมากมาย ตามไปให้กำลังใจเธอได้ใน Enchanted มหัศจรรย์รักข้ามภพ

 

ลุ้นรักฉบับเพื่อนสนิท ฟินตลอดเรื่อง “Love Rosie”

ใครชอบความรักกุ๊กกิ๊ก จิกหมอนฟิน ยิ้มอิ่มเอมตลอดเรื่อง ต้องไม่พลาดภาพยนตร์สุดโรแมนติก ที่สร้างจาก      นวนิยายรักขายดีระดับโลก “Where Rainbows End” ที่ได้นักแสดงวัยรุ่นขวัญใจมหาชน ลิลลี่ คอลลินส์ จาก Mortal Instruments และ แซม คลาฟลิน The Hunger Games : Catching Fire มารับบทเพื่อนสนิทแอบรัก กิ๊กกัก! ใน “Love Rosie “(2014)

“Love Rosie” เป็นเรื่องราวของความสัมพันธ์ของเพื่อนซี้ มองตาก็รู้ใจ โรซี่ ดันน์ (ลิลลี่ คอลลินส์) กับ อเล็กซ์ สจ็วต (แซม คลาฟลิน) เพื่อนสนิทคิดไม่ค่อยซื่อ พวกเขาเติบโตใช้ชีวิตด้วยกันมาตั้งแต่เด็กจนโต เตรียมวางแผนจะไปเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันที่อเมริกา แต่แล้วแผนที่วางไว้ก็ส่งสลายหายไป ด้วยคืนปาร์ตี้สุดเหวี่ยงคืนหนึ่ง ทำให้โรซี่ พลาดท่าเสียทีจนตั้งครรภ์เธอเลยเลือกที่จะปล่อยให้อเล็กซ์ไปมีชีวิตใหม่ที่อเมริกาโดยที่ไม่มีเธอ วันเวลาผ่านไปทั้งสองได้โคจรกลับมาพบกันอีกครั้ง อเล็กซ์ เรียนแพทย์และได้แฟนสาวสวยใช้ชีวิตในเมือง ส่วนโรซี่ ทำงานในโรงแรมเลี้ยงลูกคนเดียวอยู่บ้านเกิด ทั้งสองต้องพบกับบทเรียนใหม่ หาคำตอบให้กับตัวเอง ว่าความสัมพันธ์นี้จะจบลงด้วยคำว่าเพื่อนหรือไม่ ??

“โรซี่ ดันน์”คุณแม่วัยทีนที่ทิ้งความฝันเพื่อลูกรัก

โรซี่ ดันน์ ได้ดาราสาว ลิลลี่ คอลลินส์ มาสวมบทบาทสาววัยรุ่นคึกคะนอง ไม่รู้ใจตัวเองที่พลาดท่าเสียทีจนกลายเป็นคุณแม่มือใหม่ ถึงแม้ว่าจะอยากตามอเล็กซ์ไปเรียนและใช้ชีวิตสวยหรูตามที่ฝัน แต่เมื่อต้องเลือก ในที่สุดเธอก็เลือกที่จะเลี้ยงลูกเอง ไม่ยกให้กับบ้านเด็กสงเคราะห์ และใช้ชีวิตเฝ้าดูการเติบโตของเจ้าตัวน้อยที่เมืองบ้านเกิดด้วยความรัก โรซี่ เป็นต้นแบบคุณแม่วัยทีนที่หายากในยุคนี้ และเป็นตัวอย่างของวัยรุ่นหลาย ๆ คนที่มีความฝันแต่ผิดแพลน เพราะการตั้งครรภ์

สำหรับเนื้อเรื่องของ Love Rosie ไม่ได้ผิดแปลกไปจากหนังสือเท่าไรนัก ดูง่ายไม่ซับซ้อน เล่าเรื่องแบบง่าย ๆ ดูแล้วครบทุกรสชาติ อบอุ่นหัวใจ น่ารักโรแมนติก หรือจะเอาซีนอารมณ์ก็ทำได้ไม่เลว โรซี่กับอเล็กซ์ รับส่งบทกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ สับสนไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง ดูแล้วแอบรักตามเลยทีเดียว

ความเก๋อีกอย่างคือการแฝงการเติบโต (Coming of Age) ของวัยรุ่น และการใช้ชีวิตผ่านคู่พระนางได้อย่างลงตัว เห็นภาพมาก ๆ แต่ที่แอบอึดอัดใจนิดหน่อย คือความลุ้นว่าเมื่อไหร่คู่พระนางจะลงเอยกันสักที คลาดกันไปมา ลุ้นเหนื่อยมาก ๆ จนคิดว่าอาจจะไม่ลงเอยกันซะแล้ว ส่วนเพลงประกอบจากภาพยนตร์โดดเด่นหลายเพลง โดยเฉพาะเพลง Fuck You (Lily Allen) น่ารักทะเล้นมาก ๆ  ถ้าใครแอบรักเพื่อนสนิท ก็รีบตามหาคำตอบให้หัวใจตัวเองกันนะ
คะแนน : B

ย้อนรักวัยใสแบบมัธยม “สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก”

เชื่อว่าหลาย ๆ คนมีความรักกุ๊กกิ๊กสมัยเรียนมัธยม แอบชอบรุ่นพี่ แอบชอบเพื่อน วันนี้มีหนังไทยเรื่องหนึ่ง .. ที่เหมาะมาก ๆ สำหรับใครที่กำลังอินเลิฟ อยากได้แรงบันดาลใจในการแอบรักพีค ๆ “สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก” (2010) นำทีมโดยนักแสดงวัยรุ่นมากความสามารถ “มาริโอ้ เมาเร่อ” และ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” สร้างตำนานความรัก กุ๊กกิ๊กของน้องน้ำและพี่โชน จนถึงทุกวันนี้ ดูกี่ทีก็อดยิ้มไม่ได้

“สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก” เป็นเรื่องราวของ “น้ำ” (พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) สาวน้อยม.ต้น หน้าตาธรรมดา ไม่เก่ง ไม่โดดเด่น เธอและกลุ่มแก๊งชอบส่องพี่ม.ปลายกันอยู่เรื่อย และนั่นเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้น้ำ หลงรัก “พี่โชน”(มาริโอ้ เมาเร่อ) ม. 4 ผู้ชาย ที่หล่อเท่ห์สุด ๆ จิตใจดี แถมความสามารถเก่งทุกทาง ทำให้น้ำมีสาว ๆ คู่แข่งมากหน้าหลายตา เธอจึงหันมาทำสวย พัฒนาตัวเอง เปลี่ยนแปลงตัวเองทุกรูปแบบ และทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ ๆ พี่โชน ไม่ว่าจะเป็น ขัดผิวให้ตัวขาว เล่นละครเวที สมัครเข้าวงโยธวาทิต เอาขนมไปให้ เดินผ่านหน้าชั้นเรียน ฯลฯ โดยมีเพื่อนในแก๊งคอยให้สนับสนุน ไม่นานนักน้ำก็เริ่มสวย ได้เป็นดรัมเมเยอร์และดาวโรงเรียน ทำให้มีหนุ่ม ๆ เข้ารายล้อมเธอ ยกเว้นพี่โชน คนเดียวที่เธอรอคอย

 น้องน้ำพี่โชน ความรักนำมาพามาซึ่งแรงบันดาลใจ

แอบรัก แอบชอบ หรือ แอบปลื้ม เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัยจริง ๆ ตัวหนังนำเสนอ ผ่าน น้องน้ำ เด็กสาวธรรมดา ที่พยายามทำทุกอย่าง พัฒนาตัวเองโดยใช้พี่โชนเป็นแรงบันดาลใจ ในการทำสวย เรียนให้เก่ง เพื่อที่จะได้คู่ควรกับพี่โชน จุดนี้เชื่อว่า ทุกคนต้องเคยผ่านมาแล้วทั้งนั้น ตัวหนังเลือกหยิบเรื่อง “แอบรัก” ออกมาสื่อได้อย่างเข้าถึง เข้าใจง่าย ๆ และอินหนักมาก เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว

สำหรับเนื้อเรื่องของ สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก เรียกได้ว่าครบทุกรสชาติ นอกจากจะได้เห็นความรักใส ๆ เป็นธรรมชาติ ผ่านน้องน้ำและพี่โชน แล้วยังได้เห็นมิตรภาพของแก๊งเพื่อน ผ่านทุกข์ ผ่านสุขและเติบโตมาด้วยกัน แอบมีกลิ่นอายหนัง Coming of age ได้แนบเนียนมาก ๆ อีกอย่างที่ชอบคือ บรรยากาศในโรงเรียน คุณครู นักเรียน ค่านิยม ธรรมเนียมต่าง ๆ ของโรงเรียนมัธยม หนังทำออกมาได้ดีมาก โดยเฉพาะช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ในเรื่องการเอาสติ๊กเกอร์ไปติดให้กับที่ชอบหรือปลื้ม หนังตีโจทย์แตกมาก กลายเป็นธรรมเนียม ที่เด็ก ๆ นิยมทำกันอีกครั้ง หลังจากที่ตัวหนังปล่อยออกมา นอกจากนี้ขอชื่นชม ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ที่ทำให้น้องน้ำ กลายเป็นแรงบันดาลใจของเด็กสาวหลาย ๆ คน ดูแล้วทั้งยิ้มตาม ทั้งสงสาร รวม ๆ แล้ว “สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก” เป็นหนังที่มี่เสน่ห์ น่ารักสมวัย ใครที่หาหนังรักแบบไม่เครียด ละมุน ก็แนะนำเรื่องนี้เลย!

คะแนน : C+