Almost Famous ย้อนวันวานกลับไปยุค 70s

หนังแนว Coming of Age อีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรพลาด ถ้าใครชอบฟังเพลง ROCK & ROLL ดนตรียุค 70s และชอบบรรยากาศแนวผจญภัยไปกับการเดินทาง แนะนำให้ตามดูและเก็บหนังเก่าจากปี 2000 เรื่องนี้ได้เลย

Almost Famous เล่าถึงวิลเลี่ยม มิลเลอร์ (รับบทโดย Patrick Fugit) เด็กหนุ่มวัย 15 ปี ได้รับแผ่นเสียงวง Rock’n Roll จำนวนมากที่เป็นสมบัติจากพี่สาว เขาจึงเริ่มสนใจดนตรีและมุ่งมั่นจะเป็นนักเขียนบทความที่เกี่ยวกับเพลงร็อค เมื่อได้พบกับเลสเตอร์ แบงส์ (รับบทโดย Philip Seymour Hoffman) บรรณาธิการนิตยสารดนตรี CREAM Magazine เขาให้โอกาสวิลเลี่ยมไปลองสัมภาษณ์วงร็อค Black Sabbath ซึ่งจากการไปสัมภาษณ์วงร็อคทำให้วิลเลี่ยมได้พบกับเพนนี เลน (รับบทโดย Kate Hudson) สาวสวยผู้ติดตาม Stillwater วิลเลี่ยมประทับใจเพนนี่ เลน และดูเหมือนจะตกหลุมรักสาวอายุมากกว่าคนนี้อีกด้วย วิลเลี่ยมจับพลัดจับผลูมาเดินทางตามไปทัวร์คอนเสิร์ตกับวง Stillwater วงร็อคน้องใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาได้ติดต่อกับ Ben Fong-Torres บรรณาธิการนิตยสาร Rolling Stone และขอให้เขาได้เขียนบทความของวง Stillwater ประกอบกับทางนิตยสาร Rolling Stone กำลังต้องการบทความของวงนี้และคิดว่าวิลเลี่ยมน่ามีอายุมากกว่านี้ จึงให้วิลเลียมรับงานนี้โดยออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้อีกด้วย การเดินทางยาวนานครั้งนี้ทำให้วิลเลี่ยมได้ใกล้ชิดกับเพนนี เลน เขาได้เรียนรู้จากวิธีคิดของเธอ เขาได้พูดคุยและสนิทกับรัสเซล (รับบทโดย Billy Crudup) มือกีตาร์และเป็นหัวหน้าวง นอกจากนี้ยังได้พบเจอกับวิถีของวงร็อค ได้ประสบการณ์ใหม่ และนำไปสู่การค้นพบหนทางของตัวเอง

Kate Hudson แสดงเป็นเพนนี่ เลน ได้โดดเด่น สวย สดใส และมีเสน่ห์สุด ๆ ส่งให้เธอได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ในส่วนของ Billy Crudup ที่แสดงเป็นรัสเซล นักร้องสุดเซอร์ พี่แกก็เท่ห์เอามาก ๆ ดูแปลกตาไม่น้อยเพราะพักหลังมานี่ชอบรับบทหนุ่มใหญ่สะอาดสะอ้าน ดูดี มีฐานะ เช่น  Will Bloom ในเรื่อง Big Fish, บทสามีหล่อเนี้ยบ Michael Holloway ในเรื่อง Gypsy และ Oram ในเรื่อง Alien Covenant ซึ่งในเรื่องนี้พี่แกเป็นคนเดียวในวงที่แสดงให้เห็นว่ามีจิตวิญญาณของความเป็น ROCK & ROLL เป็นคนที่มี passion ในการทำเพลงทำดนตรีเอามาก ๆ

ความประทับใจที่มีต่อ Almost Famous

ตลอดเรื่องของหนัง จะทำให้คนดูรู้สึกเหมือนได้การเดินทางทัวร์คอนเสิร์ตไปกับวิลเลี่ยมและ Stillwater พบเจอเรื่องน่าตื่นเต้นและอันตราย ได้เห็นโลกในมุมมองใหม่ ๆ อาจทำให้เราตกหลุมรักรัสเซลเหมือนกับเหล่าแฟนเพลงในหนัง และอาจทำให้เราหวนกลับไปหาเพลงเก่า ๆในสมัยนั้นมาฟัง เพราะบทเพลงของศิลปินยุค 70s ที่เลือกมาประกอบในแต่ละช่วงของหนังมันเพราะ เหมาะเจาะ กับอารมณ์หนังเป็นอย่างดี เช่น Led Zeppelin, David Bowie, The Who, Simon & Garfunkel, Lynyrd Skynyrd และอื่น ๆ อีกมากมาย

นึกถึงหนัง Sing Street (2016) แม้จะเป็นหนังแนวดนตรีและใช้เด็กวัยรุ่นเป็นตัวเล่าเรื่องเหมือนกัน แต่ Almost Famous ไม่ได้ให้น้ำหนักกับความเป็นหนัง Coming of Age มากเท่ากับ Sing Street และเรื่องนี้มีความดราม่าน้อยกว่า กลิ่นอายดนตรี Rock’n Roll ที่ให้ความรู้สึกเป็นผู้ใหญ่กว่า แต่ในแง่ความประทับใจ บอกเลยว่าสองเรื่องนี้กินกันไม่ลง

Sing Street หนัง Coming of Age ที่สอนให้เรียนรู้ที่จะมีความสุขกับความเศร้าทั้งปวงในชีวิต

Sing Street (2016) หนังของเด็กวัยรุ่นที่กำลังค้นหาทางของตัวเองและกำลังก้าวผ่านชีวิตอันสับสน วุ่นวาย และเจ็บปวด ผลงานของ ผู้กำกับ John Carney เจ้าของผลงานกำกับที่ยังคงประทับใจแฟนหนังอย่าง Once (2007) และ Begin Again (2013)

เพราะเป็นวัยรุ่น จึงเจ็บปวด รึไงกัน!

Sing Street เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในกรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ในช่วงปี 1980s เล่าถึงชีวิตของคอเนอร์ (รับบทโดย Ferdia Walsh-Peelo) เด็กชายอายุ 15 ที่กำลังเติบโตในครอบครัวที่เริ่มมีปัญหาอันเนื่องมากจากเศรษฐกิจตกต่ำ พ่อตกงาน แม่ถูกลดจำนวนวันทำงาน เมื่อรายได้น้อยลงพ่อแม่จึงให้เขาย้ายจากโรงเรียนเอกชน ไปเรียนที่ Synge Street โรงเรียนของรัฐที่เคร่งเรื่องกฎระเบียบ และชีวิตวัยรุ่นแสนเจ็บปวดของคอเนอร์ ก็เริ่มขึ้น เมื่อพ่อแม่เริ่มทะเลาะกัน และมีแนวโน้มจะหย่าไม่ช้าก็เร็ว ที่โรงเรียนมีเด็กเกเรคอยรังแก ครูใหญ่ที่เคร่งกฎระเบียบพยายามจะล่วงละเมิดและทำร้ายเขา แถมยังผิดใจกับพี่ชายของตัวเองอีก จุดเปลี่ยนของเรื่องคือ คอเนอร์ ได้พบราฟิน่า (รับบทโดย Lucy Boynton) สาววัยรุ่นหน้าตาสวยคม อายุมากกว่า 1 ปี คอเนอร์ชอบเธอทันทีและตัดสินใจเข้าไปขอเบอร์ โดยบอกว่าอยากชวนเธอไปถ่าย MV ทึกทักไปเรื่อยว่าเขามีวงดนตรี เมื่อได้เบอร์สาวมาแล้ว ก็ถึงเวลาฟอร์มวงดนตรี

คอเนอร์หาเพื่อนมาฟอร์มวงดนตรี และตั้งชื่อวงล้อมาจากชื่อโรงเรียนว่า “Sing Street” จากเด็กที่ไม่มีความรู้เรื่    องดนตรี เขาเริ่มเรียนรู้แนวดนตรีจากพี่ชายของเขา แต่งเพลงเอง ใส่ทำนองกันเอง ถ่าย MV กันเอง จากเรื่องที่จะทำเล่น ๆ เพื่อเอามาจีบสาว กลายเป็นความชอบ ความฝัน และอนาคตของเขา

ความเศร้าน่ะ ใคร ๆ ก็มีทั้งนั้น มีความสุขกับมันสิ แล้วก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน

จากเรื่องราวเราจะได้เห็นว่าคอเนอร์เป็นคนจิตใจดีและมีทัศนคติที่ดี แม้เขาจะเจอเรื่องทำร้ายหัวใจหลายเรื่องในคราวเดียว แต่เขารับมือได้ เขาไม่เคยเอาเรื่องถูกรังแกที่โรงเรียนมาบอกพ่อแม่ ในขณะเดียวกันเรื่องพ่อแม่หย่ากันซึ่งเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนใจของเขาที่สุด เขาก็ไม่สามารถไประบายกับใครได้ เขาเลยระบายความอัดอั้นทั้งหมดทั้งมวลลงไปในเพลง ทั้งความรักและความฝันคือพลังที่ทำให้เขาสามารถก้าวผ่านไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ และที่สำคัญคือต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับความผิดหวัง และมีความสุขปนเศร้าให้ได้

หนังเรื่องนี้นอกจากจะ Feel Good และมีความสุขปนเศร้า น้ำตาคลอแล้ว เรายังจะได้กลับไปฟังเพลงสไตล์ป๊อบร็อคและย้อนบรรยากาศในยุค 80 อีกด้วย เพลงของวง Sing Street มีแต่เพราะ ๆ ดี ๆ ทั้งนั้น แถมเด็ก ๆ ในวงหน้าหล่อหน้าใสมาก นอกจากคอเนอร์นักร้องนำแล้ว อีกคนหนึ่งที่น่าสนใจคือเอมอน (รับบทโดย Mark McKenna) มือกีตาร์ น้องมีความเนิร์ด ความเก่ง และมีคาแรคเตอร์ที่โดดมาก คนดูรุ่นป้า ๆ รับรองมีใจละลาย ส่วนนางเอก น้องราฟินานั้น ก็มีเสน่ห์มาก