Moulin Rouge โรงละครในความทรงจำที่ไม่เคยปิดม่านการแสดง

Moulin Rouge กลายเป็นหนังอีกเรื่องที่เมื่อเปิดกรุหนังเก่าในความทรงจำของใครหลาย ๆ คนดู คงมีมันโผล่ออกมาบางส่วน อาจเป็นแสงสีแห่งความยิ่งใหญ่ของคลับอันใหญ่ยิ่งที่ปารีส ลีลาท่าทางการเต้นแคนแคนที่สะกดใจ สยบทุกสายตา กระทั่งความสวยอันเป็นอมตะนิรันดร์ของนางเอกอย่าง ซาทีน ที่รับบทโดย นิโคล คิดแมน ทุก ๆ สิ่งล้วนแล้วแต่เป็นเศษเสี้ยวของความทรงจำที่เด่นชัดเมื่อเราพูดถึงละครเพลงอมตะสักเรื่อง

การเริ่มต้นแห่งความรักในเสียงเพลง

การเล่าเรื่องเป็นไปอย่างเรียบง่าย ตามทำนองครรลองของสิ่งที่หนังควรจะเป็น ไม่มีฉากที่หวือหวาหักมุมเสียจนต้องอ้าปากค้าง แต่กลับเบาบางลุ่มลึก น่าลุ่มหลงเสียจนประทับอยู่ในใจของใครหลาย ๆ คน ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้มีดีเพียงแค่เส้นเรื่องที่เรียบง่ายแต่กรีดลึก ภาษาท่วงท่าใด ๆ เพลงทุกเพลงที่ถูกขับร้องจากทุก ๆ ตัวละคร ฉากแสงสียิ่งใหญ่อลังการเท่าที่โรงละครชั้นยอดจะทุ่มทุนได้ และสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชมในทุกครั้งที่เปิดม่านการแสดงอย่างไม่รู้ลืม

ตัวละครผู้เล่าเรื่องที่เป็นชายหนุ่มหน้าตาดีอย่างคริสเตียน เขาคือกวีผู้ไขว่หา เชื่อมั่น ยึดถือในความรักเหนือสิ่งใด จวบจนวินาทีสุดท้ายที่ได้อยู่กับหญิงคนรัก เขาเก็บร่างกายของเธอ น้ำเสียง นิสัยใจคอ การขยับร่ายรำ ฉายานางฟ้าไร้ปีก ความงดงามและความลุ่มหลงส่วนตัวใด ๆ ที่เขามีต่อซาทีน มากักเก็บไว้ในหนังสือนิยายตามหน้าที่ของกวีผู้ใฝ่รัก และมีความรักอย่างลึกซึ้งมาแล้ว

ทางด้านตัวละครเด่นอีกตัวอย่างซาทีน แม้จะเป็นหนังเก่าแล้ว แต่ตัวละครตัวนี้กลับมีถ้อยคำหลายคำที่ทำให้เราในวันนี้หลังจากหนังได้ออกฉายมาเป็นสิบ ๆ ปีได้คิดคำถาม หล่อนเป็นนกน้อยในกรงทอง ทำให้ถูกตีตรา กำหนดค่าของตัวเองไว้แค่เงินตรา ไม่เคยรู้จักความรัก และเคียดแค้นฮาร์รอด เจ้าของมูแลงรูจ ว่าเขาหลอกลวง ให้เธอด้อยค่าตัวเองถึงเพียงนั้น กระนั้นเองความฝันชั่วชีวิตของหญิงสาวผู้เลอโฉม ก็ยังได้เป็นจริงแม้อย่างน้อยเพียงสักครั้งเดียว การได้พบกับความรัก และก้าวขึ้นสู่บทบาทของการเป็นนางเอก ผู้เลือกมหาราชา

ความจับใจของเส้นเสียง

Moulin Rouge ในสายตาของผู้ชมในปัจจุบันอาจไม่ได้จับใจเท่ากับครั้งแรกที่มันออกฉายเมื่อหลายปีก่อน แต่หากมองในแง่ของศิลปะ ทั้งในด้านศิลปะในเรื่อง ท่วงท่าการร่ายรำ คำประพันธ์ในบทเพลง กระทั่งบทภาพยนตร์นี้เองก็ตาม ย่อมถูกบรรจุอยู่ในหนังประวัติศาสตร์เรื่องหนึ่งที่ควรดู แน่นอนว่าอาจไม่ถูกใจทุกคน เพราะความยืดเยื้อ พ่อแง่แม่งอน มายาคติเรื่องความรักอันเป็นจุดแข็งของเรื่อง อาจทำให้หลาย ๆ คนขัดใจไปบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ยังเป็นหนังที่ควรค่าแก่การมอบเวลาสองชั่วโมงเพื่อเก็บเกี่ยวอรรถรสและรสชาติสีแดงของความรักจากเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด